ยูเอซี โกลบอล เตรียมย้ายเข้า SET หวังรองรับแผนขยายศักยภาพธุรกิจการลงทุนให้แข็งแกร่งแบบยั่งยืนในอนาคต พร้อมออก UAC-W2 จำนวนไม่เกิน 66.76 ล้านหน่วยให้ผู้ถือหุ้นเดิมฟรี ในวันที่ 2 ก.ค. นี้ ประกาศปรับเป้ารายได้ปีนี้แตะ 2,500 ล้านบาท หลังงบ Q1/61 กวาดยอดขายไปแล้ว 1,279.79 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 90.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70.65 ล้านบาท จาก Q1/60
นายชัชพล ประสพโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2561 มีมติพิจารณาอนุมัติให้บริษัทฯ ย้ายหลักทรัพย์ของ UAC เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ด้วยทุนจดทะเบียน 333.80 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท
ทั้งนี้ สาเหตุที่มีมติการย้ายหลักทรัพย์ เพื่อเพิ่มช่องทาง และโอกาสการขยายการลงทุนทางธุรกิจให้มีการเติบโต และยั่งยืน เพื่อรองรับแผนขยายการลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ให้มีศักยภาพความแข็งแกร่งในอนาคตมากขึ้น รวมถึงเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กลุ่มผู้ถือหุ้นรายเดิม และต่อยอดการขยายฐานไปยังกลุ่มผู้ถือหุ้นในอนาคต
“การย้ายเข้า SET จะสร้างโอกาสให้กองทุนต่างๆ ทั้งใน และต่างประเทศ เข้ามาลงทุนในหุ้น UAC ได้ บริษัทฯ จะพยายามผลักดันให้มี Strategic Partner ต่างๆ เช่น สถาบัน และกองทุน เข้ามา ทั้งนี้ ปี 2561 จะครบ 8 ปี ที่ UAC เข้าจดทะเบียนใน mai แล้ว เราได้พยายามปรับปรุงรายได้-กำไร และทำให้บริษัทฯ เติบโตมาโดยตลอด ซึ่งส่งผลให้เบื้องต้น เกณฑ์ในการเข้าตลาด SET เราผ่านทุกข้อ น่าจะยื่นได้ทันที” นายชัชพล กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมบอร์ดได้มีมติให้ออก และเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิ UAC-W2 จำนวนไม่เกิน 66,761,000 หน่วย ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมที่มีชื่อตาม Record date วันที่ 7 มีนาคม 2561ในอัตรา 10 หุ้นเดิม ต่อ UAC-W2 1 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่า และกำหนดอัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วยต่อ 1 หุ้นที่ราคาใช้สิทธิ 5.55 บาทต่อหุ้น ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2561 ซึ่งใบสำคัญแสดงสิทธิมีอายุ 2 ปี นับจากวันที่ออก และเสนอขายกล่าวเพิ่มว่า สำหรับการดำเนินธุรกิจยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของธุรกิจเทรดดิ้ง ซึ่งมีความต้องการใช้ที่เพิ่มสูงขึ้นของกลุ่มลูกค้าโรงกลั่นน้ำมัน และปิโตรเคมี ที่มีการขยายกำลังผลิต ส่งผลให้สารเคมี และอุปกรณ์ที่ใช้ในกระบวนการผลิตเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้น และผลิตภัณฑ์ของ UAC ก็มีความหลากหลาย ซึ่งลูกค้ามีความต้องการผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ไปใช้กับกระบวนการผลิตของลูกค้า รวมทั้งธุรกิจไบโอดีเซล มีการเติบโตสูงขึ้นจากการส่งเสริมของนโยบายภาครัฐอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม จากแผนการขยายธุรกิจ ส่งผลให้บริษัทฯ ประกาศปรับประมาณการอัตราการเติบโตของรายได้ในปีนี้ เพิ่มเป็น 2,500 ล้านบาท (ซึ่งนับเป็นการเติบโตของรายได้ที่สูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา 22 ปี) จากเดิมที่วางไว้ 2,000 ล้านบาท โดยไตรมาส 1/2561 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย และบริการ 1,279.79 ล้านบาท เติบโตกว่า 259.78% และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 70.65 ล้านบาท หรือคิดเป็น 349.03% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้บริษัทฯ มั่นใจว่า การเติบโตจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้