“อัคคีปราการ” รับลูกรัฐบาล กำจัดขยะไอทีตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อม

"อัคคีปราการ" เดินหน้าคัดแยกและกำจัดขยะมีพิษ และขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ลักลอบนำเข้าผิดกฎหมายเป็นจำนวนมาก ตามมาตรฐานประสิทธิภาพด้านชีวอนามัยและความปลอดภัย ของกระทรวงอุตสาหกรรม

นายวันชัย เหลืองวิระยะ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อัคคีปราการ จำกัด (มหาชน) หรือ AKP ผู้บริหารศูนย์บริหารจัดการวัสดุเหลือใช้อุตสาหกรรม (เตาเผาขยะอุตสาหกรรม) บางปู จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นเตากำจัดกากอุตสาหกรรมอันตรายด้วยวิธีการเผาด้วยความร้อนสูง เปิดเผยว่า นายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายจุลพงษ์ ทวีศรี ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นายประกอบ วิวิธจินดา รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ ได้ลงพื้นที่เข้ามาตรวจเยี่ยมและกำกับดูแลการดำเนินงานของเตาเผาขยะอุตสาหกรรมของ บริษัท อัคคีปราการ จำกัด (มหาชน) ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู จ.สมุทรปราการ

โดยศูนย์บริการจัดการวัสดุเหลือใช้อุตสาหกรรม หรือเตาเผาขยะอุตสาหกรรม สามารถกำจัดของเสียอุตสาหกรรมอันตรายให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ โดยมีระบบจัดการของเสีย ก๊าซเสีย และบำบัดมลพิษก่อนปล่อยออกสู่ชั้นบรรยากาศ และเป็นผู้ประกอบการเตาเผาขยะอุตสาหกรรมอันตรายแห่งแรกของประเทศไทย และแห่งแรกในเอเชียอาคเนย์

“เตาเผาขยะของ AKP มีคุณสมบัติในการกำจัดขยะอุตสาหกรรมที่เป็นอันตราย ทั้งที่เป็นของแข็ง ของเหลว กากตะกอน ก๊าซ ตลอดจนขยะติดเชื้อจากโรงพยาบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพด้านชีวอนามัยและความปลอดภัย ซึ่งบริษัทฯ รู้สึกยินดีที่ได้รับชมชยว่าดำเนินการอย่างถูกต้อง ทั้งนี้ เพราะบริษัทฯ ดำเนินงานโดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อมชุมชน และทรัพยากรธรรมชาติเป็นสำคัญ” นายวันชัย กล่าว

อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากรัฐบาล โดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการอย่างเข้มข้นในการตรวจสอบโรงงานคัดแยกขยะและกำจัดขยะ โดยนายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ระบุว่า ได้มีการทำงานอย่างเข้มข้นใน 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยกระทรงอุตสาหกรรม นำโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ได้ตรวจโรงงานกากอุตสาหกรรม และขยะอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีในประเทศไทยกว่า 2,000 โรงงาน โดยได้ตรววจสอบแล้ว 1,000 โรงงาน พบว่ามีโรงงานที่ดำเนินการไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และได้สั่งปิดไปแล้ว 6 โรงงาน และมีโรงงานที่สั่งให้ปรับปรุงอีกกว่า 40 โรงงาน และยืนยันว่านับจากนี้ การตรวจสอบจะเข้มข้มขึ้น จากเดิมที่มีการตรวจสอบปีละ 1 ครั้ง หรือ 2 ปีต่อ 1 ครั้ง ต่อไปจะตรวจทุกๆ 3 เดือน หรือ 6 เดือน โดยจะดูเรื่องของการใช้พลังงาน การใช้สารเคมีว่าเป็นอย่างไร รวมถึงอาจจะบังคับให้ติดจีพีเอสในรถยนต์ขนส่งที่สร้างอันตรายดังกล่าว ทั้งยังได้ฝากถึงประชาชนทั่วไปว่าถ้าเห็นถึงการดำเนินการที่เป็นอันตราย ขอให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เข้าไปดำเนินการด้วย