บิ๊ก “บิวตี้ คอมมูนิตี้” ยันไม่มีออร์เดอร์ปลอม หลังมีกระแสข่าวการปลอมออร์เดอร์ดันยอดขายโต ฉุดราคาหุ้นดิ่งลงเกือบ 20% ยันทุกใบสั่งซื้อรับเงินสดและชำระค่าสินค้าเป็นส่วนใหญ่ ส่วนผู้สอบัญชีผ่านการรับรองจากสำนักงาน ก.ล.ต. ขณะซัปพลายเออร์ที่ผลิตสินค้าให้ BEAUTY ทุกรายทั้งในและต่างประเทศมีมาตรฐานดี อ่อยไตรมาส 2 ผลงานแผ่ว มั่นใจปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% และไม่มีแผนซื้อหุ้นคืน
นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY เปิดเวทีแจงข่าวลือที่เป็นสาเหตุให้ราคาหุ้นร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าไม่มีการปลอมออร์เดอร์ดันยอดขายโต เพราะทุกออร์เดอร์ได้รับเงินสดในชำระค่าสินค้าเป็นส่วนใหญ่ และใช้ผู้สอบบัญชีที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จึงมีความเชื่อถือได้
ขณะที่กระแสข่าวเกี่ยวกับมาตรฐานการผลิตนั้น บริษัทยืนยันว่า ซัปพลายเออร์ที่ผลิตสินค้าในเครือ BEAUTY ทุกรายที่มีอยู่กว่า 10 ราย ทั้งในไทย, เกาหลี, ญี่ปุ่น และเยอรมนี มีมาตรฐานดี
“แนวโน้มธุรกิจไตรมาส 2 คาดว่าจะลดลงต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ เพราะความนิยมสินค้า BEAUTY COTTAGE ลดลง แต่ยังคงรักษาอัตรากำไรสุทธิไม่น้อยกว่า 20% และทั้งนี้ ยังคงเป้าหมายการเติบโตของทั้งปีไว้เช่นเดิมที่รายได้ไม่ต่ำกว่า 4,290 ล้านบาท และรักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 20% โดยเน้นการใช้กลยุทธ์การตลาดแบบ O2O (Online to Offline synchronization) ใช้สื่อออนไลน์ทุกแพลตฟอร์มรวมทั้ง Influencer ทั้งใน และต่างประเทศ เพื่อให้เกิด Engagement กับลูกค้าในวงกว้าง กระตุ้นการสร้างยอดขายให้แก่ช่องทางออฟไลน์ และออนไลน์ มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่รองรับเทรนด์ความต้องการ ซึ่งการที่บริษัทพัฒนาความสามารถของพนักงานหน้าร้าน ให้สามารถแนะนำผลิตภัณฑ์ได้ทั้งช่องทาง Online และ Offline นั้น ทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น กระแสความนิยมของผลิตภัณฑ์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นายแพทย์สุวิน กล่าว
ทั้งนี้ แผนการดำเนินงานครึ่งปีหลังของตลาดในประเทศ จะขยายสาขาของทุก Shop Brand โดยเน้นการขยายสาขาออกไปตามต่างจังหวัด หัวเมืองท่องเที่ยว และในกรุงเทพฯ รวมทั้งการพัฒนาสินค้าและขยายช่องทางจำหน่ายเข้าสู่ตลาดคอนซูเมอร์ที่เป็น Mass Market เพิ่มขึ้น อีกทั้งบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับ 7-11 ปรับขนาดสินค้า เพื่อจะนำไปวางจำหน่ายใน 7-11 กว่า 10,000 สาขาทั่วประเทศ รองรับกำลังซื้อจากกลุ่มลูกค้าในประเทศ นักท่องเที่ยวทั้งจีน และประเทศอื่นๆ ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้ พร้อมทั้งจัดระบบ CRM สร้างยอดขายจากฐานลูกค้าขนาดใหญ่ที่มีอยู่ และเพิ่มประสิทธิภาพ และเสริมภาพลักษณ์การเปิดตัวสินค้าใหม่ให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการขยายตลาดเชิงรุกในต่างประเทศมากขึ้น โดยเน้นการสร้าง “Shop License” และ “Product Distributor” ในกลุ่มประเทศ AEC ซึ่งรูปแบบการขายสินค้าจะเป็นช่องทางการจำหน่ายที่เข้าถึงง่ายทั้ง Offline Retailer และ Online Retailer ที่ได้รับความนิยมในแต่ละประเทศ อีกทั้งได้มีตัวแทนจำหน่ายใน 9 ประเทศเป้าหมายเแล้ว และในไตรมาส 3 มีแผนจะเซ็นสัญญาแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายใน 3 ประเทศ คือ ตะวันออกกลาง สิงคโปร์ และกัมพูชา โดยจะมีการจัดประชุม Annual Meeting ตัวแทนจำหน่ายพร้อมกันทั้ง 11 ประเทศ เพื่อวางแผนขยายตลาดสู่ความเป็นรีจินอลแบรนด์ (Regional Brand)
นายแพทย์สุวิน กล่าวอีกว่า ไม่มีแผนซื้อหุ้นคืน แม้ว่าราคาจะปรับลงไปมาก แต่จะเน้นการบริหารธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ เพื่อทำให้ผลประกอบการออกมาดีตามเป้าหมาย พร้อมทั้งยืนยันว่า ตนเองและครอบครัวจะยังคงนโยบายที่จะถือหุ้น BEAUTY ไม่ต่ำกว่า 20% ต่อไป เพื่อให้มีอำนาจในการกำหนดนโยบายของบริษัท
ขณะราคาหุ้น BEAUTY ปิดช่วงเช้าปิดที่ 10.30 บาท ลดลง 2.70 บาท หรือลดลง 20.77% มูลค่าซื้อขาย 5,973.52 ล้านบาท