สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน แม้กดดันราคาทองคำปรับตัวแต่ยังช่วยพยุงราคาไม่ให้ลดลงไปมาก เหตุก่อนหน้่าปรับตัวลงมามากแล้ว แนะนักลงทุนติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด ประเมินหากไม่หลุด 1,242 เหรียญ ราคาอาจเกิดการสร้างฐาน
“วรุต รุ่งขำ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวถึงทิศทางราคาทองคำว่า ภาพรวมราคายังถูกกดดันจากทิศทางดัชนีดอลลาร์สหรัฐ ที่มีการทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือน ตามทิศทางผลตอบแทนธนบัตรสหรัฐฯ ที่มีการขยับขึ้น เนื่องจากมีการเปิดเผยข้อมูลออกมาว่า การทำสงครามการค้าส่งผลให้เหล่าบรรดาประเทศขนาดใหญ่ผู้ถือครองธนบัตรสหรัฐ ลดการถือครองลง และชะลอในส่วนของการเข้าซื้อ สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ความต้องการในตัวพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ลดลง จนต้องมีการสะท้อนผ่านในส่วนของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ให้มีการสูงขึ้น
นอกจากนี้ การปรับตัวเพิ่มขึ้นของ Bond Yieldไปดันให้ดัชนีดอลลาร์สหรัฐขยับขึ้นตาม ดังนั้น พอดอลลาร์สหรัฐฯ ขยับขึ้น ก็เลยเป็นปัจจัยตัวหนึ่งที่กลับไปกดดันการขยับ หรือการดีดตัวขึ้นของราคาทองคำ แต่อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดทางการค้ายังกลับไปส่งผลเชิงลบต่อทิศทางการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งยังเป็นปัจจัยตัวหนึ่งที่กลับเข้ามาหนุน และพยุงราคาทองคำไว้ ดังนั้น นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ความชัดเจนและมาตรการตอบโต้ทางการค้าจากนานาประเทศเพื่อเป็นปัจจัยในการชี้นำราคาทองคำในระยะถัดๆ ไป
สำหรับปัจจัยที่ต้องจับตานั่นคือ ผลกระทบข้อพิพาททางการค้าที่มีแนวโน้มรุนแรง และความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น หลังจากสหรัฐฯ ประกาศจะเก็บภาษีรอบ 2 เป็นการจัดเก็บภาษีในอัตราที่ก้าวหน้าต่อประเทศจีน และจีนได้ออกมาประกาศที่จะตอบโต้ในการจัดเก็บภาษีดังกล่าวโดยทันควัน อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีอุตสาหกรรมดาวน์โจนร่วงลง 8 วันทำการติดต่อกัน เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมเผชิญสภาวะสั่นคลอนเกี่ยวกับความกังวลกับสถานการณ์การค้าที่ตึงเครียดมากยิ่งขึ้น ปัจจัย หรือสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีแรงเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ เริ่มชะลอตัวลงยังเป็นปัจจัยตัวหนึ่งที่กลับเข้ามาหนุน และส่งผลเชิงบวก เพราะนักลงทุนคาดการณ์ว่า สงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นน่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่กดดันการขยายตัวเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ ทั้งนี้ แนะนำนักลงทุนจับตาการเปิดเผยประมาณการครั้งสุดท้ายผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ประจำไตรมาส 1 ของปี 2018 รวมถึงยอดการสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดสัญญาการขายบ้านที่รอปิดการขาย และดัชนีการใช้่จ่ายส่วนบุคคล หรือ PCE เพื่อใช้ประเมินเงินเฟ้อ หรือแนวโน้มการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ เพื่อชี้นำทิศทางราคาทองคำเพิ่มเติม
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุน แม้ทิศทางราคาทองคำยังคงเป็นทิศทางขาลง แต่เนื่องจากราคาทองคำปรับตัวลงในช่วงก่อนหน้ามาค่อนข้างมาก ดังนั้น แรงขายทำกำไรในตัวตลาดทองคำอาจจะเบาลง แนะนำให้จับตาดูแนวรับระดับ 1,255-1,242 เหรียญ หากราคาทรงตัว หรือตั้งฐานได้อาจเกิดการรีบาวนด์ หรือการดีดตัวขึ้นในระยะสั้นของราคา โดยประเมินกรอบแนวต้านด้านบนในระดับ 1,276-1,284 เหรียญ ซึ่งหากราคายังขยับหรือไม่ผ่านในโซนดังกล่าวอาจเกิดแรงขายเพื่อเป็นการย้ำฐาน หรือสร้างฐานอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน หากราคาไม่หลุดในส่วนของ 1,242 เหรียญ ราคาน่าจะเป็นในลักษณะของการสร้างฐาน และแกว่งตัวออกด้านข้าง แต่หากหลุดโซนดังกล่าวทิศทาง หรือแนวโน้มอาจจะเป็นลบมากขึ้น และทิศทางอาจจะมีการปรับฐานหรืออ่อนตัวลงต่อทดสอบแนวรับระยะถัดไปบริเวณ 1,227 เหรียญ นอกจากนี้ อาจจะต้องมีการติดตามดูแรงซื้อที่จะกลับเข้ามาหนุนราคาทองคำว่าจะมากพอที่จะผ่านแนวต้านระดับ 1,284 เหรียญขึ้นไปได้หรือไม่ เพราะหากไม่ผ่านแนวโน้มยังคงเป็นลบเช่นเดิม แต่หากผ่านได้โมเมนตัมของราคาทองคำจะเป็นบวกมากขึ้น และมีโอกาสที่ราคาจะทดสอบแนวต้านถัดไปบริเวณ 1,309 เหรียญ