ทองคำยังอ่อนตัวลง หลังผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ทะยานขึ้น จับตาสถานการณ์คารบสมุทรเกาหลีปัจจัยผลักดันราคาขับเคลื่อนไปต่อ ภาพรวมหากราคายังไม่ยืนเหนือ 1,306 เหรียญ อาจทยอยแบ่งทองคำออกขายเพื่อลดความเสี่ยง และรอเข้าลงทุนใหม่เมื่อราคาอ่อนตัว
“วรุต รุ่งขำ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลียน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของราคาทองคำที่ผ่านมา ราคาค่อนข้างผันผวนโดยอ่อนตัวลง หรือปรับฐานลงอย่างชัดเจน หลังจากหลุดบริเวณ 1,300 เหรียญ ซึ่งเป็นแนวรับจิตวิทยา และแนวรับดังกล่าวเป็นระดับที่ราคาสามารถทรงตัวได้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา และไม่เคยหลุด ดังนั้น การหลุดลงมาของราคาทองคำในระดับดังกล่าวส่งผลให้มีแรงขายตามมา จนทำให้มีการปรับฐาน หรืออ่อนตัวลง แต่ในช่วงต่อมาราคาทองคำยังพยายามทรงตัว และรักษาระดับไว้ได้
ทั้งนี้ ราคาทองคำถูกกดดันจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี มีการทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี เพราะผลตอบแทนธนบัตรสหรัฐฯ ได้รับแรงหนุนจากกระแสการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังคงมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป และมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวยังเป็นปัจจัยตัวหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มทิศทางอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงิน และตลาดทุนให้มีการขยับ หรือปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำได้รับแรงหนุนพยุงไว้จากกรณีความตึงเครียดบริเวณคาบสมุทรเกาหลี หลังจากเกาหลีเหนืออาจยกเลิกการเจรจากับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในกลางเดือนหน้า ขณะที่ในส่วนความตึงเครียดกรณีการค้าระหว่างประเทศระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ยังไม่ได้ข้อยุติ ซึ่งอาจจะต้องอาศัยอีก 2 ปัยจัยดังกล่าวเป็นปัจจัยในการขับเคลื่อนทองคำในระยะถัดไป
สำหรับปัจจัยที่ยังคงต้องจับตา นอกจากสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณคาบสมุทรเกาหลี และกรณีความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนแล้ว อาจจะยังคงต้องจับตาการเปิดเผยการประชุมของคณะกรรมการ FOMC ซึ่งกรรมการบางท่านเริ่มมีการส่งสัญญาณอยากที่จะให้เฟดคุมเข้มนโยบายทางการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่อย่างไรก็ตาม ทิศทางตัวเลขเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นภาคการจ้างงาน และทิศทางเงินเฟ้อมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ทำให้ต้องจับตาดูรายงานการประชุมว่าหากตัวเลขดังกล่าวมีทิศทางเป็นไปตามเป้าหมายแล้ว กรรมการเฟดท่านอื่นมีแนวโน้มความคิดเห็นที่แตกต่างกันกับเจ้าหน้าที่เฟดก่อนหน้านี้หรือไม่ ซึ่งหากความคิดเห็นแตกต่างกันอาจจะเป็นอีกปัจจัยตัวหนึ่้งที่กลับมาส่งผลขับเคลื่อนทิศทางราคาทองคำในระยะถัดๆ ไป นอกจากนี้ อาจจะแนะนำให้จับตาการเปิดเผยยอดการสั่งซื้อสินค้าคงทนประจำเดือนเมษายนในวันศุกร์ ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึง
ทิศทางการจับจ่ายใช่้สอย และการบริโภคได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ทำให้กลยุทธ์การลงทุน เนื่องจากราคาทองคำยังคงเป็นลักษณะการอ่อนตัวลงมาพยายามทรงตัวสร้างฐาน หากราคาทรงตัว หรือตั้งฐานได้อาจเกิดการรีบราวนด์ หรือการดีดตัวขึ้นของราคา จึงให้แนวรับบริเวณ 1,280 เหรียญ แนวรับถัดไปบริเวณ 1,261 และ 1,238 ในส่วนของแนวต้านประเมินไว้ที่ 1,306 -1,325 และ 1,348 เหรียญ ทั้งนี้ หากราคายังทรงตัว หรือยืนเหนือแนวรับบริเวณ 1,280 เหรียญได้ แนะนำให้นักลงทุนเสี่ยงเข้าซื้อโดยหวังทำกำไรระยะสั้นจากการดีดตัวขึ้น
แต่หากราคายังไม่ผ่าน หรือยืนเหนือระดับ 1,306 เหรียญ อาจจะใช้วีธีทยอยแบ่งทองคำออกขายเพื่อหวังการอ่อนตัวลงมาของราคาเพื่อเข้าซื้ออีกครั้ง ซึ่งหากราคาแกว่งตัว หรือทรงตัวอยู่ระดับดังกล่าวได้น่าจะเป็นลักษณะการทรงตัว หรือสร้างฐานเพื่อเตรียมขยับขึ้นอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม หากราคาหลุดในระดับ 1,280 เหรียญ นักลงทุนควรตัดขาดทุนเพื่อเป็นการลดความเสี่ยง และอาจจะจับตาดูการเคลื่อนไหวของทิศทางค่าเงินบาทเพื่อเป็นการประกอบการตัดสินใจการลงทุน