เป้าหมายดัชนีราคาหุ้น ตลาดหลักทรัพย์สิ้นปี 2561 โบรกเกอร์ส่วนใหญ่เคยประมาณการณ์ไปไกลมาก คาดหมายว่าจะทะยานขึ้นเหนือ 1,900 จุด หรือทะลุ 2,000 จุดด้วยซ้ำ แต่หลังจากหุ้นทรุดลงหนัก ได้ปรับลดประมาณการกันใหม่ โดยค่าเฉลี่ยของดัชนี ฯ สิ้นปีอยู่แถว ๆ 1,850 จุด
บรรยากาศการซื้อขายหุ้นที่กลับสู่ความซบเซา ดัชนีหุ้นถอยกรูด จนเคลื่อนไหวแถวระดับ 1,600 จุดต้น ๆ นั้น เกิดจากความกังวลผลกระทบสงครามการค้า ระหว่างสหรัฐกับจีน แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ และนำมาซึ่งการเทขายของนักลงทุนต่างชาติ
นับจากต้นปีจนถึงวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา ต่างชาติมียอดขายสุทธิสะสมแล้ว 176,617.13 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขายมากที่สุดเป็นประวัติการ
ดัชนี ฯ เคยพุ่งขึ้นไปแตะสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งตลาดที่ระดับ 1,850 จุด แต่การปรับฐานใหญ่และยาวนานรอบนี้ ทำให้ดัชนี ฯ ลดลงไปแล้วกว่า 200 จุด ดังนั้นการที่ดัชนี ฯ จะกลับขึ้นไปแตะระดับสูงสุดเดิม หรือขึ้นไปที่ระดับ 1,850 จุด ตามประมาณการของโบรกเกอร์ในช่วงสิ้นปี
ตลาดหุ้นครึ่งปีหลังจะต้องฟื้น บรรยากาศการลงทุนต้องสดใส และนักลงทุนต่างชาติต้องขนเงินกลับมาใหม่
หรืออย่างน้อยต้องไม่ถล่มขายเหมือนครึ่งปีแรก
แต่ตลาดหุ้นครึ่งปีหลัง จะกระเตื้องขึ้นได้หรือไม่ และดัชนี ฯ กว่า 200 จุด ที่หายไป ในช่วง 6 เดือนข้างหน้าจะเรียกคืนมาได้ขนาดไหน
แม้ว่า ตลาดหุ้นซึมซับรับข่าวร้าย แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนไปแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่า ราคาหุ้นสะท้อนรับปัจจัยลบจนจบสิ้นไปแล้ว
เงินทุนยังคงไหลออก ต่างชาติที่ยังขายไม่เลิก เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า สถานการณ์การลงทุนยังไม่ปกติ และมีแรงกดดันจากการลดน้ำหนักการลงทุนของต่างชาติอยู่
ส่วนสถานการณ์ภายในประเทศไม่ได้นิ่ง โดยเฉพาะการเมือง ซึ่งมีความเคลื่อนไหวของคนหลายกลุ่ม กดดันเรื่องการเลือกตั้ง และต่อต้านรัฐบาลทหาร
ขณะที่ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจยังเปราะบาง แม้รัฐบาลพยายามตีปี๊บ โฆษณาตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจดังกระหึ่มก็ตาม แต่ประชาชนก็ยังกังวลผลกระทบทางเศรษฐกิจอยู่ดี ไม่เชื่อว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นจริง
แนวโน้มตลาดหุ้นครึ่งปีหลัง ตั้งอยู่บนความคาดหวังเท่านั้น ไม่มีสัญญาณที่จับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรม
และทำนายไม่ได้ว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจะยืดเยื้อ และลุกลามบานปลาย ส่งผลกระทบต่อการค้าและระบบเศรษฐกิจโลกเพียงใด
สิ่งที่พอปลอบใจนักลงทุนได้มีเพียง ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาลึกมากแล้ว เริ่มสร้างแรงจูงใจในการช้อนซื้อ และโบรกเกอร์ เริ่มหันมาให้คำแนะนำลูกค้า ทยอยซื้อเก็บ โดยเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ
ส่วนแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศ เชื่อว่าน่าจะอ่อนตัวลง เพราะขายออกมามาก การปรับพอร์ตน่าจะใกล้เสร็จสิ้นแล้ว
อีกไม่กี่วัน ตลาดหุ้นจะปิดฉากครึ่งปีแรก โดยผลตอบแทนต้องติดลบ เพราะดัชนี ฯ สิ้นปี 2560 ปิดที่ 1,753.73 จุด นักลงทุนรายย่อยต้องเจ็บหนัก เพราะแบกหุ้นต้นทุนสูง ที่ฝรั่งขายเข้ามากว่า 1 แสนล้านบาท และต้องรอลุ้นว่า ครึ่งปีหลังจากตามทุนคืนได้หรือไม่
แต่ใครจะรับประกันว่า ครึ่งปีหลัง หุ้นจะฟื้นสู่ความสดใส เพราะสถานการณ์แวดล้อมยังฝุ่นตลบอยู่ ทั้งปัจจัยภายนอกและภายใน
การฟื้นตัวตลาดหุ้น อาจเป็นการดีดตัวกลับทางเทคนิคในระยะสั้นเท่านั้น แต่มองถึงแนวโน้ม 6 เดือนข้างหน้า ภาพการลงทุนยัง “มัวๆ” อยู่
นักลงทุนจึงยังต้องระมัดระวัง มองโลกสวย ลุยหุ้นสุดตัวไม่ได้ เพราะมีสิทธิกระเป๋าฉีกเหมือนครึ่งปีแรกได้เช่นกัน
(สั่งจองหนังสือ “หุ้นวายร้าย” ราคาเล่มละ 190 บาท จากราคาเต็ม 240 บาท โทร. 0-2629-2700 , 08-2782-8353 , 08-2782-8356 )