ตลาดหุ้นปีนี้ ถูกวาดภาพไว้อย่างสวยหรู กูรูหุ้นที่มองโลกสวย ทำนายว่า ดัชนีราคาหุ้น ตลาดหลักทรัพย์จะขยับขึ้นไปแตะระดับ 2,000 จุด แต่บรรยากาศการซื้อขายหุ้นล่าสุด แตกต่างจากคำทำนายของบรรดากูรูหุ้นอย่างสิ้นเชิง เพราะดัชนี ฯ เกิดความผันผวนรุนแรง
สถานการณ์การลงทุนในระยะสั้นซบเซาอย่างหนัก โดยวันที่ 4 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา ดัชนี ฯ ทรุดหนักสุดในรอบปี 2561 ดิ่งลง 40.26 จุด ปิดที่ 1,724.98 จุด ตอกย้ำหุ้นช่วงขาลงเต็มตัว หลังจากก่อนหน้าปรับฐานลงต่อเนื่อง
การปรับฐานของตลาดหุ้นรอบนี้ มีหลายปัจจัยลบที่พุ่งกระทบ ทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน รวมทั้งข่าวร้ายของหุ้นรายกลุ่ม
สงครามการค้าที่ระเบิดขึ้นระหว่างสหรัฐ ฯ กับจีน ทำให้นักลงทุนทั่วโลก เกิดความกังวลผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งตลาดหุ้นสหรัฐซึมซับรับข่าวมาตลอด ดัชนีดาวโจนส์ ปักหัวลงจากระดับ 26,000 จุด ลงมายืนแถว 23,000 จุด
การรูดลงของดาวโจนส์ ส่งผลกระทบจิตวิทยาต่อตลาดหุ้นไทย กระตุ้นให้นักลงทุนเทขายหุ้น โดยเฉพาะวันที่ 4 เมษายน 2561 ช่วงระหว่างการซื้อขายของตลาดหุ้นไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าร่วงลงหลายร้อยจุด หลังจีนประกาศขึ้นภาษีนำเข้าหลายร้ายการ เพื่อตอบโต้สหรัฐ
และเป็นความเคลื่อนไหวจากภายนอก ที่ทำให้นักลงทุนนักลงทุนสถาบัน ในประเทศและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ จับมือกันทุบขายหุ้น
นอกจากปัจจัยลบจากภายนอกแล้ว หุ้นหลักหลายกลุ่มยังถูกมรสุมข่าวร้าย จุดชนวนการถล่มขาย ฉุดให้ดัชนีไหลลงลึก
หุ้นกลุ่มพลังงาน นอกจากได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันในตลาดโลก ที่อ่อนตัวลงแล้ว การประกาศนโยบายของกระทรวงพลังงาน โดยจะไม่รับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งจะทำให้แนวโน้มผลประกอบการกลุ่มพลังงานทางเลือกชะลอตัวลง จึงเกิดการเทขาย จนแดงฉานกันยกกลุ่ม
หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ถูกผลกระทบจาก การประกาศนโยบายแข่งขันยกเลิกค่าธรรมเนียมบริการอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้ง ส่งผลให้รายได้จากค่าธรรมเนียมลดลง โดยธนาคารกสิกรไทยแจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า รายได้จากค่าธรรมเนียมปีนี้จะลดลง 6-8%
หุ้นธนาคารพาณิชย์จึงถูกทุบยกกลุ่ม
ส่วนกลุ่มสื่อสารกำลังรอข่าวดี คณะรัฐมนตรีจะพิจารณาผ่อนผันค่าใบอนุญาตสัมปทาน แต่ปรากฏว่า ยังไม่มีวาระการผ่อนผันค่าใบอนุญาตสัมปทาน ข่าวดีที่นักลงทุนรอคอย จึงกลายเป็นข่าวร้าย ตามมาด้วยการเทขายหุ้นกลุ่มสื่อสาร โดยเฉพาะหุ้นสื่อสารขนาดใหญ่อย่างบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANCE
หุ้นกลุ่มพลังงาน สื่อสารและกลุ่มธนาคาร เป็นหุ้นขนาดใหญ่ มีน้ำหนักในการคำนวณดัชนี ฯ สูง เมื่อทั้ง 3 กลุ่มทรุดหนักพร้อมกัน จึงฉุดดัชนี ฯ ให้ดิ่งลงมาตาม หุ้นตัวเล็กตัวน้อยพลอยถูกลูกหลงไปด้วย
กระดานหุ้นวันพุธที่ 4 เมษายน จึงแดงฉาน และไม่รู้ว่า ขาลงรอบนี้จะจบลงเมื่อไหร่ ดัชนี ฯ จะลงลึกขนาดไหน
ทำให้ดัชนี ฯ ทรุดลงไปกว่า 100 จุดแล้ว จากที่เคยขึ้นไปแตะจุดสูงที่ระดับ 1,850 จุด ก่อนถูกสารพัดข่าวร้ายโถมเข้าใส่ จนนักลงทุนตั้งตัวไม่ติด
แมลงเม่าหรือนักลงทุนรายย่อย เสียหายหนัก พอร์ตลงทุนแทบพินาศ เพราะทยอยกันเข้าช้อนหุ้นตลอดทางของขาลง
ดัชนีที่ถอยกรูดลงมาระดับ 1,700 จุดต้น ๆ อาจยังไม่ใช่จุดต่ำสุดของรอบ ซึ่งหมายถึง หุ้นมีโอกาสที่จะทรุดลงต่อไป
บางคนมองโลกในแง่ร้าย ประเมินว่า ดัชนี ฯ ระดับ 1,700 จุดอาจยืนไม่อยู่ เพราะข่าวร้ายทะลักมาไม่ขาดสาย
หุ้นปีนี้ที่บรรดากูรูทำนายว่าจะสดใสนั้น ไม่แน่เสียแล้ว เพราะเพิ่งผ่านพ้นไตรมาสแรก แกว่งตัวเหมือนลูกตุ้ม จนจับทิศจับทางไม่ถูก
อย่าแปลกใจ อย่าตั้งคำถามว่า ทำไมดัชนี ฯ หุ้นจึงรูดลงมาระดับ 1,700 จุด เพราะดัชนี ฯ ไม่ควรขึ้นไปที่ระดับ 1,850 จุดตั้งแต่แรกแล้ว
ข่าวดีในปีนี้ไม่มีอะไรมากมาย การเลือกตั้งที่เลื่อนไปปีหน้า ยังไม่รู้ว่า ถึงเวลาจริงจะได้เลือกตั้งหรือไม่ เศรษฐกิจที่รัฐบาลประกาศเป็นรายวันว่าดีนั้น ในเชิงตัวเลขจีดีพีอาจดูดี แต่สถานการณ์ที่เป็นจริงตรงข้ามกับตัวเลข
เพราะเศรษฐกิจยังซึมและซบอย่างหนัก การค้าระดับชาวบ้านเงียบสนิท กำลังซื้อฟุบ
และเพียงช่วง 3 เดือนเศษปีนี้ ต่างชาติขายหุ้น จนเงินกลับไปแล้วกว่า 59,000 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่า ฝรั่งยังมองหุ้นไทยปีนี้ไม่สดใสนัก
ดัชนีหุ้นที่พุ่งไปแตะจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการที่ระดับ 1,850 จุด ถือเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมากแล้ว ถ้าปี 2561 สามารถพุ่งทะยานขึ้นไปแตะที่ระดับ 1,900 จุดได้ จะยิ่งเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ
การทรุดตัวแรงดัชนีหุ้นรอบนี้ คงช่วยเตือนสติแมลงเม่าในตลาดหุ้น อย่ามองโลกสวยเกินจริง
(สั่งจองหนังสือ “หุ้นวายร้าย” ราคาเล่มละ 190 บาท จากราคาเต็ม 240 บาท โทร. 0-2629-2700 , 08-2782-8353 , 08-2782-8356 )