xs
xsm
sm
md
lg

ศูนย์ข้อมูลฯ ธอส. จ่อขายทรัพย์กรมบังคับคดีกว่า 2 แสนล้าน ผ่านระบบออนไลน์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธอส. เตรียมขายทรัพย์กรมบังคับคดี มูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท ผ่านระบบออนไลน์ คาดเซ็น MOU ได้ภายใน ก.ค. นี้ หวังให้หารายได้เลี้ยงตัวเองหลังแยกตัวจาก ธอส. เป็นองค์การมหาชน ล่าสุดจับมือ 14 สมาคมอสังหาฯ เซ็น MOU ส่งข้อมูลโครงการอสังหาฯ ผ่านแอปพลิเคชัน “Self-Reporting”

นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล ประธานกรรมการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวถึงความคืบหน้าการปรับโครงสร้างของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ให้เป็นองค์การมหาชนว่า เพื่อให้ศูนย์ข้อมูลมีการบริหารจัดการที่เป็นอิสระ และเป็นการลดต้นทุนให้กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ที่มีการใช้เงินไปกับศูนย์ข้อมูลเฉลี่ย 50-70 ล้านบาทต่อปี โดยที่การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลเป็นนิติบุคคลธนาคารอาคารสงเคราะห์ คาดหวังที่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในรัฐบาลชุดปัจจุบัน
สุรชัย ดนัยตั้งตระกูล
นอกจากนี้ ยังมีแผนการเพิ่มการบริการใหม่ๆ นอกเหนือจากการให้บริการด้านข้อมูลอสังหาฯ เข้ามาเพื่อสร้างรายได้ใหม่ๆ ให้กับศูนย์ข้อมูล เช่น การเป็นนายทะเบียนเพื่อรับจดทะเบียนนายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์ การขายบ้านมือสองผ่านช่องทางออนไลน์ โดยที่ศูนย์ข้อมูลฯ จะนำทรัพย์สินรอการขายจากกรมบังคับคดี ที่ปัจจุบันมีอยู่กว่า 2 แสนล้านบาท มาประมูลขายผ่านระบบออนไลน์ อย่างไรก็ตาม จะต้องรอกฎหมายผ่านกฤษฎีกา เพื่อให้กรมบังคับคดีขายทรัพย์ผ่านระบบออนไลน์ได้ก่อน โดยกรมบังคับคดีจะเซ็น MOU กับ ธอส. เพื่อจะขายทรัพย์ให้ศูนย์ข้อมูลในช่วงเดือน ก.ค. นี้ เนื่องจาก ธอส. ยังเป็นหน่วยงานต้นสังกัดอยู่

อีกทั้งยังอยู่ระหว่างรอการพิจารณาของบประมาณจากกองทุนพัฒนาสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หรือกองทุนพัฒนา SFI ประมาณ 31 ล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบขายออนไลน์

จับมือ 14 องค์กรส่งข้อมูลผ่านแอปฯ 

ด้านนายวิช้ย วิรัตกพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ศูนย์ข้อมูลฯ ได้จัดทำแอปพลิเคชัน Self-Reporting เพื่อจัดเก็บรวบรวมข้อมูลโครงการที่อยู่อาศัยผ่านระบบอินเทอร์เน็ต และได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้เป็นผู้กรอกข้อมูลที่เป็นปัจจุบันส่งกลับมายังศูนย์ ข้อมูลฯ ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการประชุมชี้แจงวัตถุประสงค์ของการทำแอปพลิเคชัน รวมไปถึงขอความร่วมมือผ่านสมาคมในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล และ 9 สมาคมใน 4 ภูมิภาค ให้ได้รับทราบถึงวัตถุประสงค์ในการจัดทำแอปพลิเคชันในครั้งนี้

ทั้งนี้ การลงนามบันทึกความเข้าใจว่า ด้วยความร่วมมือจัดทำข้อมูลอสังหาริมทรัพย์เชื่อว่าจะเป็นสัญญาณเริ่มต้นถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐ และเอกชน ในการพัฒนาและยกระดับคุณภาพของฐานข้อมูลด้านอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ โดย 14 สมาคมอสังหาฯ จะให้ความร่วมมือสนับสนุน และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกของสมาคมช่วยกันรายงานข้อมูลผ่านแอปพลิเคชัน Self-Reporting ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตที่ศูนย์ข้อมูลได้พัฒนาแอปพลิเคชันขึ้นมา ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มนำข้อมูลที่ได้จากผู้ประกอบการมาวิเคราะห์ และประมวลผล และเริ่มใช้ได้จริงในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้

สำหรับข้อมูลที่ทางศูนย์ข้อมูลฯ ขอให้ผู้ประกอบการกรอกข้อมูลผ่านแอปพลิเคชัน ได้แก่ จำนวนโครงการที่เปิดขาย จำนวนหน่วย ยอดขายรวม ยอดขายรายไตรมาส ยอดขายรอโอน โดยจะแบ่งตามประเภท และราคา ซึ่งจะทำให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเป็นรายไตรมาส และผู้ประกอบการสามารถนำไปประกอบการตัดสินใจลงทุน จากเดิมในภูมิภาคจะทำการสำรวจปีละ 1 ครั้งเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการที่ให้ความร่วมมือส่งข้อมูลผ่านระบบจะได้รับข้อมูลภาพรวมของตลาดที่อยู่อาศัยเป็นรายไตรมาส โดยระบบจะมีการรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดี และจะไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของแต่ละบริษัท นอกจากนี้ ยังเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายในการสำรวจข้อมูล การตลาด นอกจากนี้ ยังทำให้ศูนย์ข้อมูลสามารถติดตามสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงของตลาดที่อยู่อาศัยที่เป็นปัจจุบัน และภายหลังจากการลงนามบันทึกความเข้าใจแล้ว ศูนย์ข้อมูลจะเดินทางไปในแต่ละจังหวัดเพื่อประชุมกับสมาชิกของแต่ละสมาคม เพื่อแนะนำการใช้งานแอปพลิเคชัน เพื่อรวบรวมข้อมูลได้อย่างเป็นรูปธรรม


กำลังโหลดความคิดเห็น