พระนครศรีอยุธยา - กลุ่มสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร รวมตัวยื่นหนังสือผ่านศูนย์ดำรงธรรม อยุธยา เรียกร้องให้ช่วยเหลือสมาชิกที่เป็นลูกหนี้กับ ธ.อ.ส. ซึ่งกำลังถูกยึดบ้านขายทอดตลาด
วันนี้ (11 มิ.ย.) นางสาวศศิรัศม์ พันธ์พลกลาง แกนนำเครือข่ายสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ได้นำตัวแทนสมาชิกฯ จากกลุ่มจังหวัดภาคกลาง เช่นจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี สุพรรณบุรี และกำแพงเพชร กว่า 100 คน มารวมตัวกันที่ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อยื่นหนังสือถึงศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเรียกร้องให้เร่งรัดช่วยเหลือสมาชิกที่เป็นลูกหนี้ธนาคารของรัฐและสถาบันการเงินในระบบของประเทศไทย
โดย นางสาวศศิรัศน์ เปิดเผยว่า กรณีความเดือนร้อนที่ได้หยิบยกขึ้นมา คือ กรณีที่ นางนุศรา น้อยนุ้ย หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม ซึ่งเป็นเกษตรกรในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นลูกหนี้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สาขาอยุธยา ด้วยการกู้เงินมาลงทุนทำนา แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ จนมีเงินต้นคงค้างจ่าย 1,158,249 บาท และถูกฟ้องบังคับคดี โดยกรมบังคับคดีมีกำหนดนำที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ขายทอดตลาดในวันที่ 12 มิถุนายน นี้ จนทำให้เกิดความเดือดร้อนเนื่องจากจะส่งผลให้ไม่มีที่อยู่อาศัย
ต่อมาศูนย์ดำรงธรรมได้นัดเรียกทุกฝ่ายมาพูดคุยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมี ว่าที่ร้อยตรีพิเชียน ลิมป์หวังอยู่ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานไกล่เกลี่ย โดยได้อนุญาตให้เฉพาะแกนนำกลุ่มผู้ร้องเรียน เข้าร่วมเจรจากับตัวแทนจากธนาคาร โดยใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง
ด้าน นายจิรพันธ์ อุดมรัตนศักดิ์ หัวหน้างานบริหารหนี้ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เขต 1 สระบุรี เปิดเผยภายหลังการเจรจา ว่า กรณีดังกล่าว เกิดจากการที่ลูกค้ามาใช้บริการกู้เงินกับทางธนาคาร แต่ไม่สามารถผ่อนชำระเงินคืนตามเงื่อนไขของสัญญาได้ ซึ่งได้มีการดำเนินคดีทางกฎหมายกับลูกค้ารายนี้มาเป็นเวลานานมากแล้ว จนเกินกรอบระยะเวลาที่กรมบังคับคดีกำหนดไว้ที่ 10 ปี จึงจำเป็นต้องดำเนินการทางกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก ธ.อ.ส.เป็นหน่วยงานของรัฐ ก็ได้พยายามหาทางประนีประนอมให้กับประชาชนที่เดือดร้อน เบื้องต้นจะประสานกับสำนักงานบังคับคดีจังหวัดฯ เพื่อให้งดการขายทอดตลาดที่จะเกิดขึ้นออกไปก่อน จนถึงวันที่ 14 สิงหาคม 2561 จากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการตามปกติของธนาคาร คือ ให้ลูกค้าผ่อนชำระเงินคืน เพื่อปิดบัญชีให้ได้ภายในกำหนด แต่หากหลังจากนั้นยังไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ ก็จำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายปกติอีกครั้ง