กรมสรรพากรชี้แจงกรณี “แจ็ก หม่า” ได้รับการยกเว้นภาษี 13 ปี ตามเงื่อนไขส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) โดยจะต้องถ่ายทอดเทคโนโลยี และฝึกอบรมบุคลากรคนไทยด้วย ส่วนการเสียภาษีขายของออนไลน์ของคนไทยเป็นไปตามกฎหมายที่มีอยู่เดิม และกระทรวงการคลังกำลังออกกฎหมายเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากธุรกิจออนไลน์ของต่างประเทศด้วย
ตามที่ได้มีการแชร์ข้อความในสื่อสังคมออนไลน์ว่า คนไทยขายของออนไลน์รัฐบาลนี้ออกกฎหมายขูดรีดภาษี แต่ยกเว้นภาษี 13 ปี ให้นายแจ็ก หม่า ประธานกลุ่มอาลีบาบา มาลงทุนขายของออนไลน์ในไทยนั้น กรมสรรพากร ขอชี้แจงว่า ผู้ประกอบธุรกิจขายสินค้าหรือให้บริการทางออนไลน์มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎหมายปัจจุบันอยู่แล้ว เช่นเดียวกันกับผู้ประกอบธุรกิจขายสินค้าหรือให้บริการที่มีร้านค้า รัฐบาลไม่ได้ออกกฎหมายจัดเก็บภาษีเพิ่มแต่อย่างใด
ปัจจุบัน กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจทางออนไลน์ ซึ่งกระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพากร อยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรี คือ การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ประกอบการต่างประเทศที่ให้บริการลูกค้าในประเทศไทย ซึ่งเป็นกฎหมายที่มุ่งเน้นความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษี และการแข่งขันเป็นประโยชน์ต่อการประกอบธุรกิจและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เนื่องจากที่ผ่านมา ไม่ได้มีการนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มจากการให้บริการของผู้ประกอบธุรกิจในต่างประเทศอย่างครบถ้วน จึงทำให้ผู้ประกอบธุรกิจในประเทศไทยที่ต้องเรียกเก็บและนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มเสียเปรียบ
ส่วนกรณีสิทธิประโยชน์ทางภาษีของอาลีบาบานั้น นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ได้ชี้แจงไปแล้วว่า การได้รับสิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุนเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ซึ่งสิทธิประโยชน์พื้นฐานจะแตกต่างกันไปตามประเภทกิจการ โดยกิจการประเภทเดียวกันจะได้รับสิทธิประโยชน์ตามหลักเกณฑ์เดียวกัน ปัจจุบัน การส่งเสริมการลงทุนจะมีเงื่อนไขเกี่ยวกับการถ่ายทอดเทคโนโลยี และการฝึกอบรมบุคลากรควบคู่ไปด้วย นอกจากสิทธิประโยชน์พื้นฐานแล้ว ผู้ขอรับการส่งเสริมยังอาจได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมด้านการพัฒนาเทคโนโลยี หากมีการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด การพิจารณาให้สิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุนให้กับอาลีบาบานั้น บีโอไอ จะมีการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนประกาศกำหนด ซึ่งไม่ได้เป็นการให้เฉพาะเจาะจงกับรายใดรายหนึ่งเป็นกรณีพิเศษ
นอกจากนี้ หากพิจารณาประเภทกิจการที่รัฐต้องการส่งเสริมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน และกฎหมายว่าด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายจะพบว่าไม่ใช่กิจการที่แข่งขันกับผู้ประกอบธุรกิจขายสินค้าหรือให้บริการทางออนไลน์แต่อย่างใด