“เดลต้า อีเลคโทรนิคส์” ตั้งเป้ารายได้ปี 2561 เติบโตไม่น้อยกว่า 10% ปรับกลยุทธเน้นชิ้นส่วนอุปกรณ์รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น พร้อมทุ่มงบลงทุนกว่า 50 ล้านบาท พัฒนาโรงงาน และสายการผลิต เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้ไม่น้อยกว่า 30%
นางสาวกุลวดี กวยาวงศ์ นักลงทุนสัมพันธ์ บมจ. เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ หรือ DELTA กล่าวว่า บริษัทฯ ประเมินเป้าหมายการขายในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตประมาณ 10% โดยจะมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจ เพื่อให้สอดรับกับพลังงานสะอาดของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ และชิ้นส่วนยานยนต์ (ODM) มากขึ้น โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ซอฟต์แวร์-ฮาร์ดแวร์ สำหรับอุปกรณ์ EV-Chager ชิ้นส่วนในธุรกิจพลังงานทั่วไป และพลังงานทางเลือก
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ คาดว่า สัดส่วนรายได้จากธุรกิจบริหารจัดการพลังงาน จะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาถึง 30% ภายในปี 64 จากปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 13% เนื่องจากเป็นไปตามความต้องการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นในธุรกิจดังกล่าวปรับตัวเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ 25-27% เพราะเป็นธุรกิจที่มีมาร์จินสูง
“บริษัทฯ ตั้งงบลงทุนทั่วไปประจำปี 2561 ไว้ที่ 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ไม่รวมการเข้าซื้อกิจการ) โดยจะใช้ในการปรับปรุงสิทธิภาพเครื่องจักร และปรับปรุงสายพานการผลิต เพื่อให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีกไม่น้อยกว่า 20-30%”
ขณะที่ในส่วนการลงทุนเข้าซื้อกิจการ (M&A) บริษัทฯ วางแผนในการเข้าซื้อกิจการในธุรกิจซอฟต์แวร์ และผู้เชี่ยวชาญทางด้าน System Integrator ในประเทศอินเดีย เพื่อมารองรับการขยายโรงงานผลิตชิ้นส่วนในประเทศอินเดีย และการจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาที่จะเริ่มเปิดโรงงานผลิตในปี 2562 ซึ่งน่าจะทำให้ธุรกิจในประเทศอิเดีย มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จากที่ผ่านมา ธุรกิจในอินเดียมียอดขายเติบโตเฉลี่ยเพียง 10-20% เท่านั้น
“การเข้าซื้อกิจการในขณะนี้จะซื้อกิจการที่เป็นบริษัทเล็กๆ เพื่อเข้ามาเสริมการเติบโตในส่วนปลีกย่อยเท่านั้น โดยการลงทุนก็คงไม่มีนัยสำคัญอะไร เนื่องจากเรายังสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีกประมาณ 20-30% และเรายังมีพื้นที่เหลืออีก ในส่วนของโรงงานที่ฉะเชิงเทรา จากพื้นที่ทั้งหมด 80 ไร่ ซึ่งในปัจจุบันมีการใช้พื้นที่ไปเพียง 60-70 ไร่เท่านั้น โดยประเมินว่าจะสามารถรองรับกำลังการผลิตไปได้อีก 5-10 ปีข้างหน้า”
ในส่วนของแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการลงทุนนั้น บริษัทฯ จะพยายามปรับปรุงกระแสเงินสดให้อยู่ในระดับ 600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายการคงเงินสดของบริษัทฯ เพื่อป้องกันความเสี่ยงของธุรกิจเทคโนโลยี และเพื่อลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีในอนาคต จากปัจจุบันปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เนื่องจากนำไปจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น และจ่ายภาษีอากร จากการสู้คดีที่ใช้ระยะเวลานานถึง 10 ปี อย่างไรก็ตาม คาดว่าภายใน 2 ปีนี้ เงินสดจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับดังกล่าวได้ เป็นไปตามการดำเนินธุรกิจ
