ออมสิน ออกสลากเงินฝาก 5 ปี วงเงินรวม 6 หมื่นล้านบาท เริ่มเปิดรับฝากทุกสาขาทั่วประเทศตั้งแต่ 2 มิ.ย. นี้เป็นต้นไป กำหนดเงื่อนไขอายุสลาก 5 ปี หน่วยละ 100 บาท รับดอกเบี้ย 4 บาทต่อหน่วย เมื่อฝากครบ 5 ปี พร้อมลุ้นถูกรางวัลเลขสลาก 60 ครั้ง “ผอ. ออมสิน” ย้ำปีนี้ขยายฐานเงินฝาก 2.4 ล้านล้าน โดยจะออกเป็นสลากเงินฝาก 9 แสนล้านบาท พร้อมระบุ อยู่ระหว่างหารือกับประธานชมรมพิโกไฟแนนซ์ เพื่อหาแนวทางปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการพิโกไฟแนนซ์
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวถึงการแข่งขันระดมเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2561จะมีความเข้มข้นขึ้น เพื่อรองรับภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น และการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แม้ไทยจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยตาม แต่หากเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งภายในปีนี้ดอกเบี้ยของไทยอาจจะขยับขึ้นอีกครั้งก็ได้
สำหรับปีนี้ตั้งเป้าขยายฐานเงินฝากโตกว่าปีที่ผ่านมา 4-6% หรืออยู่ที่เกือบ 2.4 ล้านล้านบาท จากเงินฝากรวมเมื่อปีก่อนที่มี 2.26 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อให้ธนาคารออมสินก้าวสู่การเป็นธนาคารที่มีฐานเงินฝากมากที่สุดในประเทศ โดยจำนวนนี้จะแบ่งเป็นลูกค้าสลากเงินฝากกว่า 9 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นลูกค้ากว่า 3 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม ธนาคารออมสินยังได้เปิดรับฝากสลากออมสินพิเศษ 5 ปี โดยมีวงเงินรวม 60,000 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดรับฝากตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย. 61 เป็นต้นไป โดยนายชาติชาย คาดว่าจะสามารถขายสลากฯ ได้หมดภายใน 2 เดือน ทั้งนี้ สลากออมสินพิเศษ 5 ปี จะเปิดรับฝากหน่วยละ 100 บาท ธนาคารกำหนดผลตอบแทนให้แก่ผู้ฝากถึง 3 ต่อ โดยต่อที่ 1 ฝากครบ 5 ปี จะได้ดอกเบี้ยหน่วยละ 4 บาทฝากครบ 4 ปี แต่หากไม่ครบ 5 ปี จะได้ดอกเบี้ยหน่วยละ 2.50 บาท ฝากครบ 3 ปี แต่ไม่ครบ 4 ปี ได้ดอกเบี้ยหน่วยละ 1.50 บาท แต่ในกรณีที่ฝากจนครบ 2 ปี แต่ไม่ครบ 3 ปีนั้น จะได้ดอกเบี้ยหน่วยละ 0.75 บาท ฝากครบ 1 ปี แต่ไม่ครบ 2 ปี ได้ดอกเบี้ยหน่วยละ 0.25 บาท และฝากครบ 3 เดือนแต่ไม่ถึง 1 ปี ไม่ได้รับดอกเบี้ย เมื่อคิดเป็นผลตอบแทนขั้นต่ำเฉลี่ยต่อปีแล้ว หากฝากไม่ถึง 1 ล้านบาท จะได้ผลตอบแทน 0.80% ต่อปี แต่หากฝากครบ 1 ล้านบาท จะได้ผลตอบแทนปีละ 1.52% และฝากครบ 10 ล้านบาทขึ้นไป จะได้ผลตอบแทนปีละ1.592% แต่หากถูกรางวัลใหญ่จะได้ผลตอบแทนมากกว่านี้
สำหรับผลตอบแทนต่อที่ 2 ผู้ฝากมีสิทธิลุ้นถูกรางวัลจากการออกรางวัลเลขสลากทุกวันที่ 1 ของเดือน เป็นเวลา 60 ครั้ง ตลอดระยะเวลาการฝาก โดยมีรางวัลสูงสุด รางวัลที่ 1 มูลค่าเงินรางวัล 5 ล้านบาท จำนวน 3 รางวัล และยังมีรางวัลที่ 2-5 รางวัลเลขท้าย 6 ตัว เลขท้าย 5 ตัว และรางวัลเลขท้าย 4 ตัว (กำหนดงวดและหมวดอักษรเฉพาะรางวัลที่ 1 และรางวัลที่ 2) และต่อที่ 3 ธนาคารมอบสิทธิลุ้นรับรางวัลพิเศษในแคมเปญ “ออมสินสายเปย์ แจกรถทั้งปี รวยล้านทุกเดือน” ซึ่งจะจับรางวัลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 61-1 มิ.ย. 62 รวม 12 ครั้ง 108 รางวัล มูลค่าราว 15 ล้านบาท
ทั้งนี้ รางวัลสูงสุดคือ รถยนต์ Mercedes-Benz รุ่น E 350 eAvantgarde จำนวน 1 รางวัล มูลค่า 3.58 ล้านบาท รางวัลรถยนต์ Toyota Camry รุ่น 2.0G จำนวน 3 รางวัล มูลค่ารวม 4.20 ล้านบาท รางวัลรถยนต์ Toyota Yaris รุ่น Ativ E จำนวน 4 รางวัล มูลค่ารวม 2.24 ล้านบาท รางวัลรถยนต์บรรทุก Toyota Hilux Revo รุ่น Double Cap จำนวน 4 รางวัล มูลค่ารวม 2.71. ล้านบาท รางวัลรถจักรยานยนต์ รุ่น Honda Wave 110i จำนวน 36 รางวัล มูลค่ารวม 1.56 ล้านบาท และรางวัลรถจักรยาน Giant รุ่น Talon3 จำนวน 60 รางวัล มูลค่ารวม 8.94 แสนบาท
นอกจากนี้ ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ยังกล่าวถึงการอยู่ระหว่างหารือกับประธานชมรมพิโกไฟแนนซ์ เพื่อหาแนวทางปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการพิโกไฟแนนซ์ เนื่องจากปัจจุบันมีบริษัทที่ดำเนินการปล่อยสินเชื่อแล้ว แต่มีสภาพคล่องไม่เพียงพอที่จะปล่อยกู้ เนื่องจากมีประชาชนเป็นจำนวนมาได้เข้าขอกู้เงิน โดยเฉพาะกลุ่มลูกหนี้นอกระบบ รวมถึงผู้ปกครองที่มีความต้องการกู้เงินระยะสั้น เพื่อใช้หมุนเวียนก่อนเปิดเทอม โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 2 ของปี 61 พร้อมกันนี้ธนาคารยังจะเร่งผลักดันเพิ่มศูนย์ให้บริการสินเชื่อ 82 แห่งครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ คาดจะสามารถเปิดได้ครบทั้งหมดเดือนก.ย. 61 เพื่อให้บริการกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในการเข้าถึงแหล่งเงิน และช่วยเพิ่มกระแสเงินสด ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์โดยรวมต่อประเทศไทยในแง่ของการผลักดันเศรษฐกิจผ่านเอสเอ็มอี
สำหรับโครงการสินเชื่อรายย่อย เพื่อใช้จ่ายฉุกเฉินระยะที่ 2 ของธนาคารออมสิน วงเงินสินเชื่อรวมไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท คาดจะสามารถช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยได้กว่า 2.4 แสนราย ซึ่งมากกว่าระยะแรกที่สามารถช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย 1.2 หมื่นราย ส่วนโครงการประชาชนมีวินัยการผ่อนชำระดี เหลือนั้นจะยอดหนี้เพียง 3.9 พันล้านบาท จากวงเงินรวมตามโครงการ 5 พันล้านบาท