“ชัชชาติ” ซีอีโอคิวเฮ้าส์ ระบุแผนปี 61 เปิด 15โครงการมูลค่าเกือบ 15,000 ล้านบาท เผยไตรมาสแรกเปิดขายบ้านใหม่ 2 โครงการเกือบ 2,000 ล้านบาท วิเคราะห์ศักยภาพอีอีซี รอจังหวะ 3-5 ปี เหมาะลงทุน พร้อมไม่เร่งระบายสต๊อกคอนโดฯ หมื่นล้านบาท
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2561 (ม.ค.-พ.ค.) ว่า ในช่วงไตรมาสแรกตลาดโดยรวมมีการเติบโต ผู้ประกอบการมีการลงทุนพัฒนาโครงการเป็นจำนวนมาก นั่นแสดงให้เห็นว่า ตลาดอสังหาฯ มีแนวโน้มที่จะขยายตัวต่อเนื่อง ในส่วนของ คิวเฮ้าส์ แผนในปีนี้ จะเปิด 13-15 โครงการ มูลค่าประมาณ 13,000-15,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการแนวราบมากกว่าโครงการคอนโดมิเนียม โดยในไตรมาสแรก บริษัทฯ ได้เปิดขายโครงการบ้านใหม่ จำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1,988 ล้านบาท และปิดโครงการบ้านที่ขายหมดแล้วจำนวน 2 โครงการ
“โซนที่คิวเฮ้าส์ จะไปเปิดมีทั้งในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ บางนา และกรุงเทพตะวันตก และทำเลดอนเมืองที่มีโครงการรถไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ส่วนการเข้าไปลงในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี น่าจะไม่ใช่จังหวะที่เหมาะเข้าไปลงทุน เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเกี่ยวเนื่องกับการเก็งกำไร แต่หากนโยบายการพัฒนาอีอีซี ดำเนินการไป 3-5 ปีแล้ว น่าจะเวลาที่เหมาะสม”
สำหรับแนวโน้มการลงทุนโครงการคอนโดมิเนียมของคิวเฮ้าส์ จะไม่เน้นมาก เนื่องจากปัจจุบัน บริษัทมีสินค้ารอขาย (สต๊อก) ของโครงการคอนโดมิเนียม คิดเป็นมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท แต่ไม่ได้เป็นเรื่องน่ากังวลเกี่ยวกับมูลค่ารอขายที่เยอะ เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่จำเป็นต้องเร่งระบาย ขณะที่ความต้องการของลูกค้ายังมีอยู่ เพียงแต่เราต้องอดทนไว้ก่อน และไม่จำเป็นต้องใช้วิธีลดราคามากระตุ้นยอดขาย
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปี 61 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 2,929 ล้านบาท ลดลง 206 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 7 เนื่องจากรายได้จากการขายบ้านพร้อมที่ดินลดลงจำนวน 23 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 1 และรายได้จากการขายคอนโดมิเนียมลดลง จำนวน 183 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 45
ขณะที่รายได้จากค่าเช่า และบริการ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 333 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 ส่วนใหญ่มาจากรายได้จากธุรกิจโรงแรมเพิ่มขึ้น จำนวน 18 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของอัตราการเช่า และการปรับเพิ่มอัตราค่าห้อง และรายได้อื่นๆ รวมรายได้ 3,321 ล้านบาท ลดลง 181 ล้านบาท หรือร้อยละ 5