หลังจากประกาศงบการเงินไตรมาสแรก หุ้นบริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ MONO ถูกถล่มขายทิ้งทันที เพราะนักลงทุนผิดหวังในผลกำไร แม้ชะลอตัวเพียงเล็กน้อยก็ตาม
MONO ประกาศผลดำเนินงานไตรมาสแรกปี 2561 เมื่อเย็นวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีกำไรสุทธิ 19.47 ล้านบาท ลดลง 3.68 ล้านบาท หรือลดลง 15.90% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 23.15 ล้านบาท
ตัวเลขกำไรที่ออกมา เป็นชนวนให้หุ้น MONO ถูกถล่มอย่างหนัก โดยวันที่ 10 พฤษภาคม ลงมาปิดที่ 3.30 บาท ลดลง 60 สตางค์ หรือลดลง 15.38% และวันที่ 11 พฤษภาคมปิดที่ 3.14 บาท ลดลง 16 สตางค์ หรือลดลง 4.85%
รวม 2 วัน หลังประกาศงบการเงินไตรมาสแรก หุ้น MONO รูดลงไปแล้ว 76 สตางค์ หรือเกือบ 20%
ถ้าย้อนหลังกลับไปเพียง 10 วันทำการของตลาดหลักทรัพย์ หุ้น MONO ถูกทยอยขายออกมาต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา ปิดที่ 4.22 บาท ก่อนทรุดลงตลอด โดยถ้าเทียบจากจุดปิดวันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม ลงมาโดยรวม 1.08 บาท หรือลงประมาณ 25%
จะมีใครล่วงรู้ข้อมูลภายใน และชิงขายหุ้น เอาเปรียบนักลงทุนรายย่อยหรือไม่ เป็นดุลยพินิจที่จะต้องพิจารณาจากพฤติกรรมหุ้นตัวนี้
แต่คงมีคำถามว่า เหตุใดหุ้น MONO จึงทรุดหนัก ทั้งที่ผลดำเนินงานไตรมาสแรกยังมีกำไรอยู่ แม้ชะลอตัวลงบ้าง แต่ไม่ได้มากมายจนน่าตื่นตระหนก
MONO เป็นหุ้นเก็งกำไรร้อนแรงตัวหนึ่ง และพฤติกรรมดูเหมือนจะมี “เจ้ามือ” ราคาในรอบ 12 เดือนเคยขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ 4.92 บาท ต่ำสุดที่ 3.06 บาท ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
โครงสร้างผู้ถือหุ้นประกอบด้วย นายพิชญ์ โพธารามิก ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งในสัดส่วน 64.20% ของทุนจดทะเบียน มีนักลงทุนรายย่อยจำนวน 7,178 ราย ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 31.73% ของทุนจดทะเบียน
ราคาหุ้น MONO ที่ซื้อขายในปัจจุบัน เป็นราคาบนความคาดหมายการเติบโตในอนาคต โดยรายได้หลักของบริษัท ฯ มาจากค่าโฆษณาทีวีดิจิทัลช่อง 29 หรือช่องโมโน ซึ่งเน้นภาพยนตร์ จนขยับขึ้นมาเป็นช่องทีวีที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมมากที่สุดเป็นอันดับ 3
ความคาดหวังแนวโน้มการเติบโตผลกำไรในอนาคต ทำให้หุ้น MONO เล่นกันในราคาที่แพงมาก เมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน โดยค่าพี/อี เรโชสูงถึง 200 เท่า ขณะที่อัตราเงินปันผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 1.89%
ค่า พี/อี เรโช ระดับ 200 เท่า เกิดจากนักลงทุนหวังว่า กำไร MONO จะต้องเติบโตสูงต่อเนื่อง และจะต้องโตระดับ 100% ต่อเนื่องหลายปี ซึ่งจะดึงค่า พี/อี เรโช ให้ลงมาระดับใกล้เคียงกับหุ้นทั่วไปหรือใกล้เคียงกับค่า พี/อี เรโช เฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์
ภายใน 3 ปี ถ้าจะดึงค่า พี/อี เรโช ให้เหลือระดับ 25 เท่า MONO จะต้องกำไรโตปีละ 100 % ติดต่อ ซึ่งนักลงทุนต้องตอบโจทย์ว่า ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้จะทำได้หรือไม่
และถ้าภายในเวลา 3 ปี ดึงค่า พี/อี เรโช ให้ลดมาเหลือสักประมาณ 25 เท่าไม่ได้ ต้องถามกันว่า ฝ่ายบริหารบริษัทฯจะใช้เวลากี่ปีที่จะทำให้หุ้น MONO มีราคาสมน้ำสมเนื้อกับปัจจัยพื้นฐาน
การที่หุ้น MONO ถูกถล่มหนัก หลังจากประกาศผลกำไรไตรมาสแรก ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด เพราะราคาหุ้นตัวนี้ยืนอยู่บนความคาดหวังที่สูงมาก จนเป็นราคาที่ยืนอยู่บนเส้นด้าย
เมื่อผลดำเนินงานออกมาน่าผิดหวัง ผลกำไรไม่โต ผู้ถือหุ้นจึง “เผ่น” ชิงกันขายทิ้ง
หุ้นที่มีค่า พี/อี เรโชระดับ 200 เท่า ผลประกอบการต้องออกมาน่าประทับใจ กำไรต้องโตต่อเนื่อง
แต่เมื่อกำไร MONO ออกมาถดถอย จะไม่ให้ผู้ถือหุ้นทุบขายได้อย่างไร เพียงแต่ไม่รู้ว่า “ขาใหญ่” หุ้นตัวนี้ผสมโรงทุบหุ้นด้วยหรือไม่เท่านั้น
(สั่งจองหนังสือ “หุ้นวายร้าย” ราคาเล่มละ 190 บาท จากราคาเต็ม 240 บาท โทร. 0-2629-2700 , 08-2782-8353 , 08-2782-8356 )