“เดอะ สตีล” โวกำไรไตรมาส 1/61 ทะลัก 175.52 ล้านบาท หรือเติบโตก้าวกระโดดกว่า 113% รับอานิสงส์ 3 ปัจจัยบวกจากราคาเหล็กที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น การโอนสำรองลูกหนี้กลับ และรับรู้กำไรจากบริษัทร่วม “ไพร์ม สตีล มิลล์” พร้อมขยับเป้าหมายปริมาณขายเหล็กปีนี้แตะ 1.2 ล้านตัน จากเดิมคาดทำได้ 1 ล้านตัน
นายบุญชัย จิระพงษ์ตระกูล ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ THE เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ณ สิ้นงวดไตรมาส 1/2561 มีกำไรสุทธิ 175.53 ล้านบาท เติบโต 113% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 82.41 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 3,843.27 ล้านบาท หรือเติบโต 11% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีรายได้รวม 3,460.90 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ผลกำไรในงวดไตรมาส 1/2561 เพียงไตรมาสเดียว เกือบจะเทียบเท่ากำไรสุทธิของทั้งปี 2560 ที่มีจำนวน 200.50 ล้านบาท สาเหตุหลักสำคัญทำให้ผลกำไรของบริษัทฯ เติบโตอย่างก้าวกระโดดเป็นผลมาจาก 3 ปัจจัยหลักด้วยกัน คือ
ปัจจัยแรกรับผลดีจากราคาเหล็กในตลาดโลกมีทิศทางสูงขึ้น ภายหลังสหรัฐอเมริกาปรับเพิ่มกำแพงภาษีนำเข้าเหล็ก ส่งผลให้ราคาขายเหล็กเฉลี่ยของบริษัทในไตรมาส 1/61 ปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 20.35 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 13.81% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เฉลี่ยอยู่ที่ 17.88 บาทต่อกิโลกรัม
ปัจจัยที่ 2 บริษัทได้โอนเงินกลับสำรองหนี้สงสัยจะสูญ จำนวน 58.33 ล้านบาท เนื่องจากสามารถสะสางลูกหนี้ที่ค้างนานได้จำนวนหนึ่ง และปัจจัยสุดท้าย รับรู้ผลกำไรจากบริษัท ไพร์ม สตีล มิลล์ จำกัดซึ่งเป็นบริษัทร่วม จำนวน 50.27 ล้านบาท
“กำไรไตรมาส 1/61 ออกมาดีมาก เกือบเท่ากับกำไรของทั้งปี 2560 และมองว่าผลประกอบการของไตรมาสที่เหลือน่าจะมีแนวโน้มที่ดีตามทิศทางราคาเหล็กยังคงทรงตัวในระดับสูง ทำให้มั่นใจว่าผลประกอบการของทั้งปี 2561 จะสูงกว่าปีที่ผ่านมา และได้ขยับเป้าหมายปริมาณขายเหล็กของบริษัทฯ และบริษัทฯ ร่วมในปี 2561เพิ่มเป็น 1.2 ล้านตัน จากเดิมคาดว่าจะทำได้ 1 ล้านตัน แต่ทั้งนี้ ยังคงต้องติดตามการเลือกตั้งในประเทศด้วย เพราะจะเป็นปัจจัยสำคัญกระตุ้นภาพการลงทุนต่างๆ ให้เกิดขึ้นตามมา”