xs
xsm
sm
md
lg

หุ้น “สยามแก๊สฯ” ร่วง หลังงบ Q1 กำไรวูบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ราคาหุ้น “สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์” ร่วงหนัก หลังแจ้งงบไตรมาสแรกหายไป 1,042.41 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 91.18% เหตุไตรมาส 1 ปี 61 ราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกโดยรวมสูงกว่าปี ก่อนในงวดเดียวกัน ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมีนัยสําคัญต่อต้นทุนสินค้าที่มีไว้เพื่อขายสําหรับธุรกิจการจําหน่ายก๊าซ LPG ในต่างประเทศ ผู้บริหารเผยเตรียมขยายตลาดสู่จีนตอนเหนือดันยอดขายปีนี้โตเกิน 10%

เช้าวันนี้ ราคาหุ้นของบริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP ร่วงหนักเมื่อเปิดตลาด หลังบริษัทแจ้งงบไตรมาสแรกปีนี้พบว่า กำไรตก โดยราคาหุ้นเปิดที่ 23.30 บาท ลดลงจากวันก่อนหน้าซึ่งปิดที่ 27.25 บาท เมื่อเวลา 10.50 น. ราคาหุ้นอยู่ที่ 23.90 บาท ลดลง 3.35 บาท หรือ 12.29% มูลค่าซื้อขาย 621.45 ล้านบาท

นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ  SGP เปิดเผยว่าไตรมาสแรกปีนี้มีกำไรสุทธิ 100.77 ล้านบาท ขณะที่งวดนี้ปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,143.18 ล้านบาท หรือกำไรลดลง 1,042.41 ล้านบาทคิดเป็นลดลง 91.18% เนื่องจากในระหว่างไตรมาส 1 ปี 2561 ราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลก (CP Saudi Aramco) โดยรวมสูงกว่าปี ก่อนในงวดเดียวกัน ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมีนัยสําคัญต่อต้นทุนสินค้าที่มีไว้เพื่อขายสําหรับธุรกิจการจําหน่ายก๊าซ LPG ในต่างประเทศ จึงเป็นผลทําให้ต้นทุนในไตรมาส 1 ปี 2561 สูงกว่าในงวดเดียวกันของปีก่อน จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทําให้กลุ่มบริษัทฯ มีกําไรขั้นต้นรวมสําหรับไตรมาส 1 ปี 2561 จํานวนเงิน 468.84 ล้านบาท ซึ่งลดลง 1,174.34 ล้านบาท หรือ 71.47% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2560 ที่มีกําไรขั้นต้นเป็นเงิน 1,643.18 ล้านบาท และคิดเป็นอัตรากําไรขั้นต้นสําหรับไตรมาส 1 ปีนี้ 3.01% และสําหรับไตรมาส 1 ปี 60 คิดเป็น 11.46% อีกทั้งราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกมักจะลดลงในไตรมาสที่ 1 เนื่องจากปริมาณความต้องการจะลดลงภายหลังจากความต้องการก๊าซเพื่อให้ความอบอุ่น (heating) ลดลงหลังจากหมดฤดูหนาว ประกอบกับประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่มีวันหยุดยาวในช่วงตรุษจีน (เดือนกุมภาพันธ์) ทำให้ชะลอการซื้อก๊าซ LPG ในช่วงดังกล่าว

“แม้ว่าราคา CP Saudi Aramco จะลดลงในไตรมาสที่ 1/2561 และมีผลกระทบต่อกำไรในไตรมาสที่ 1/2561 ของบริษัท แต่การขึ้นลงของราคาก๊าซในตลาดโลกเป็นเรื่องปกติ ซึ่งมักจะขึ้นลงตามฤดูกาล อย่างไรก็ตาม หากมองถึงยอดขายของบริษัทแล้ว บริษัทสามารถทำยอดขายเติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนกว่า 11% ประกอบกับแนวโน้มราคา CP Saudi Aramco ก็มีทิศทางขาขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2/2561 ซึ่งตนมองว่า บริษัทจะสามารถสร้างยอดขายเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ ส่วนราคา CP Saudi Aramco มองว่าเป็นทิศทางขาขึ้นภายหลังความต้องการก๊าซ LPG ปรับตัวขึ้น นอกจากนี้ บริษัทพยายามเพิ่มยอดขายไปสู่ผู้บริโภค (retail) มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯ มีส่วนต่างกำไร (profit margin) มากขึ้น และช่วยรองรับ (absorb) ให้กำไรของบริษัทได้รับผลกระทบน้อยลงในช่วงที่ราคาก๊าซ LPG ปรับตัวลง” นายศุภชัย กล่าว

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2561 บริษัทฯ เตรียมขยายตลาดเข้าสู่ประเทศจีนตอนเหนือ เพื่อขยายตลาดตามความต้องการของผู้บริโภคที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก จากปัจจุบันที่เป็นผู้นำตลาดในจีนตอนใต้ โดยเป็นผู้นำเข้า LPG ติดอันดับหนึ่งในสาม ในประเทศจีน และมีคลังเก็บก๊าซใต้ดินขนาดใหญ่สองแห่งในจีน อยู่ที่เมืองซัวเถา และเมืองจูไห่ รวมปริมาณความจุกว่า 300,000 ตัน

นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างศึกษาตลาดและความเป็นไปได้ใน การขายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ให้กับโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งจะได้ประโยชน์ในเรื่องของการเพิ่มสินค้า และกลุ่มลูกค้าของบริษัท

ทั้งนี้ บริษัทฯ วางเป้าหมายยอดขาย LPG ในปี 2561 เติบโต 10% หรือประมาณ 3.5 ล้านตัน เทียบปีที่ผ่านมียอขายกว่า 3.2 ล้านตัน และรายได้รวมในปีที่ผ่านมา อยู่ที่ประมาณ 60,000 ล้านบาท อีกทั้งตั้งงบลงทุนในปีนี้ไว้ที่ 2,000 ล้านบาท

ส่วนยอดขายในไตรมาส 1/61 บริษัทฯมียอดขาย LPG จำนวน 0.8 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 11% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนยอดขายอยู่ที่ 0.71 ล้านตัน

อนึ่ง เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2561 บริษัทฯและบริษัท กฟผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเบื้องต้น (MOU) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการเป็นผู้จัดหาและจัดส่งก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied Natural Gas-LNG) เพื่อป้อนให้กับโรงไฟฟ้าในประเทศไทย ตามแผนสำรองพลังงานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.และในวันที่ 9 เมษายน 2561 โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานดีเซลในเมียนมา ซึ่งเป็นโครงการผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายให้กับสหกรณ์หมู่บ้านโดยตรงขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 10 เมกะวัตต์ ได้ทดลองจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเรียบร้อยแล้ว และจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/61 เป็นต้นไป โดยคาดว่าจะมีรายได้จากการขายไฟประมาณ 340 ล้านบาทต่อปี
 
ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2561 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดครึ่งปีหลังของปี 2560 ในอัตราหุ้นละ 1.00 บาท โดยจ่ายจากกำไรสะสมและผลประกอบการ และเมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกของปี 2560 ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท จะเป็นเงินปันผลที่จ่ายในปี 2560 ในอัตราหุ้นละ 1.50 บาท คิดเป็นเงินรวม 1,378.40 ล้านบาท โดยการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวเป็นการจ่ายจากมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) เดิม 1.00 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 พฤษภาคม 2561

นอกจากนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นยังอนุมัติเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) ของบริษัทฯ จากเดิมมูลค่าหุ้นละ 1 บาท เป็นมูลค่าหุ้นละ 0.50 บาท พร้อมแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทข้อ 4 เป็นทุนจดทะเบียน 918,931,500 บาท แบ่งออกเป็น 1,837,863,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 0.50 บาท


กำลังโหลดความคิดเห็น