สยามแก๊สฯ แย้มผลงานครึ่งปีหลัง 2560 แนวโน้มดีต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เหตุเข้าสู่ไฮซีซันของธุรกิจ มั่นใจปีนี้ยอดขายได้ตามเป้าที่ 3.2 ล้านตัน “จินตณา กิ่งแก้ว” รองกรรมการผู้จัดการ อวดผลงานครึ่งปี โกยกำไรกว่า 1,077 ล้านบาท หรือโตกว่า 265% พร้อมทั้งอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.50 บาทต่อหุ้น ตอกย้ำการเป็นหุ้นจ่ายปันผลสม่ำเสมอ
นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยถึงแนวโน้มผลงานการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องดีกว่าจากช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เนื่องจากครึ่งปีหลังจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจ สำหรับแนวโน้มราคา LPG ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นจากปริมาณการใช้ที่เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาว โดยปัจจุบัน ราคาก๊าซ LPG ตลาดโลกเฉลี่ยเดือนกันยายน เท่ากับ 490 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ปรับตัวขึ้นจากเดือนสิงหาคม จำนวน 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน รวมไตรมาสที่ 3 ราคาก๊าซ ปรับตัวขึ้น 102.50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน จากไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา
“ปีนี้ยอดขายคาดว่า การเติบโตจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ร้อยละ 5.2 จากปีก่อน หรือที่ประมาณ 3.2 ล้านตัน อีกทั้งมีความมั่นใจว่า ผลประกอบการจะดีกว่าปีก่อนแน่นอน จากปริมาณการขายที่ปรับตัวสูงขึ้นทั้งในและต่างประเทศ ประกอบกับบริษัทสามารถบริหารจัดการสินค้าและต้นทุนได้เป็นอย่างดี ส่วนการทำธุรกิจ LPG ในต่างประเทศยังเติบโตต่อเนื่องโดยเฉพาะในตลาดจีน ปีนี้คาดว่าจะขยายตัว 5-10% และตลาดมาเลเซียขยายตัวได้ดี” นางจินตณา กล่าว
นางจินตณา กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่รัฐบาลได้ลอยตัวราคา LPG ทั้งระบบตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2560 ที่ผ่านมา บริษัทค่อนข้างมั่นใจว่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยสนับสนุนให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะบริษัทสามารถบริหารจัดการเรื่องต้นทุนสินค้า และการบริหารจัดการเรื่องของระบบการลำเลียงขนส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถแข่งขันได้ โดยที่ผ่านมา บริษัทได้ขออนุญาตจากกรมธุรกิจพลังงานเพื่อนำเข้า LPG มาจำหน่ายในประเทศแล้ว 44,000 ตันต่อเดือน และนำเข้า LPG เพื่อส่งออกอีกราว 3 พันตันต่อเดือน โดยปัจจุบัน บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 24.6% เป็นอันดับ 2 ของตลาดก๊าซแอลพีจีในประเทศ
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแข่งขันของธุรกิจ LPG ในประเทศจะยังมีการแข่งขันอยู่ โดยเฉพาะในส่วนของ LPG ภาคขนส่ง เนื่องจากความต้องการใช้ก๊าซแอลพีจี ในภาคขนส่งลดลง ส่งผลให้ผู้ค้าที่อยู่ในภาคขนส่งมีการแข่งขันเพื่อให้ได้มาซึ่งยอดขาย ซึ่งอาจมีการแข่งด้านราคาอยู่ ซึ่งบริษัทเองเห็นว่าเพื่อลดผลกระทบจากธุรกิจก๊าซแอลพีจี ภาคขนส่ง ที่เกิดขึ้น บริษัทได้ร่วมมือกับผู้ประกอบการน้ำมันรายใหญ่ จำนวน 2 ราย ในการลงทุนทำสถานีบริการน้ำมันในสถานีบริการก๊าซ LPG ของบริษัท โดยตั้งเป้าไว้ทั้งสิ้น 10 แห่ง เพื่อเป็นทางเลือกของผู้บริโภค นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้มีการเน้นการจำหน่ายก๊าซ LPG ในภาคครัวเรือน และอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยผลักดันปริมาณขายของบริษัทเติบโตได้มากกว่าตลาดรวมที่คาดโต 2-3%
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย งวด 6 เดือนแรกของปีนี้ สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2560 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ จำนวน 1,077.12 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2559 ซึ่งมีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ จำนวน 294.66 ล้านบาท กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 782.46 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 265.55 โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขาย จากการขนส่ง และการให้บริการ เป็นจำนวนเงิน 27,713.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,684.20 ล้านบาท หรือร้อยละ 15.33 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 24,029.14 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักที่รายได้เพิ่มขึ้นจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น และราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลก ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนในงวดเดียวกัน โดยราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกเฉลี่ย 6 เดือนของปี 2560 อยู่ที่ 466 เหรียญสหรัฐฯ ต่อเมตริกตัน เทียบกับงวดเดียวกันของปี 2559 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 335 เหรียญสหรัฐฯ ต่อเมตริกตัน
“ผลงานครึ่งปีแรกรายได้และกำไรออกมาในระดับที่น่าพอใจ จากปริมาณการขายและราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการจึงมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุด 30 มิ.ย. 2560 ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 28 สิงหาคม 2560 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผลในวันที่ 7 กันยายนนี้” นางจินตณา กล่าว