“SGP” เผยแผนธุรกิจปี 2560 ตั้งเป้ายอดขายโต 5-6% เหตุมีแนวโน้มคำสั่งซื้อจากลูกค้าในต่างประเทศเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะจีน มั่นใจปี 60 ประเมินเป้ายอดขายแตะ 3.2 ล้านตัน ล่าสุด นำเข้าแก๊ส LPG ล็อตแรก 3.3 หมื่นตัน ขายในประเทศ แย้มแผนเจรจากับพันธมิตรเตรียมสร้างโรงบรรจุแก๊สเพิ่มในมาเลเซีย คาดได้ข้อสรุปภายในเมษายนนี้ ส่วนรายได้ปี 2559 ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ฟันมีกำไรทะลุ 1,118.72 ล้านบาท โปรยยาหอมปันผลผู้ถือหุ้น จ่อปันผล 0.50 บาทต่อหุ้น
นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ หรือ SGP เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2560 ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 5-6% จากปี 2559 จากปริมาณการจำหน่าย LPG ที่จะเพิ่มขึ้น หรือราว 3.2 ล้านตัน โดยมีปริมาณขายต่างประเทศ และในประเทศ อยู่ในสัดส่วน 60% และ 40% ตามลำดับในช่วง 1-2 ปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทศึกษาการเข้าลงทุนตามโมเดลธุรกิจของ SGP ในประเทศเมียนมา ที่จะประกอบด้วย คลัง LPG, โรงบรรจุ LPG และท่าเรือ เพื่อรองรับการทำธุรกิจ โดยจะใช้แบรนด์ของ “สยามแก๊ส” เข้าไปดำเนินการเอง ขณะที่ราคา LPG ตลาดโลกปีนี้ คาดว่าจะปรับสูงขึ้นอยู่ที่ประมาณ 500-600 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน จะส่งผลดีต่อรายได้ของบริษัท
“การทำธุรกิจ LPG ในต่างประเทศยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดจีน ปีนี้คาดว่าจะขยายตัว 5-10% และมาเลเซีย ขยายตัวได้ดี โดยบริษัทมีแผนที่จะสร้างโรงบรรจุแก๊สเพิ่มเติมในมาเลเซียแถบเหนือ โดยจะใช้เงินลงทุนประมาณ 100-200 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่นที่ต้องการเข้ามาร่วมทุนกับบริษัทในสัดส่วนราว 20% คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 1/2560 จากนั้น จะเริ่มก่อสร้างทันที ซึ่งโรงบรรจุแห่งใหม่จะมีกำลังการผลิต 3,000 ตันต่อเดือน ซึ่งจะทำให้ยอดจำหน่ายในมาเลเซีย เพิ่มเป็นราว 6,000-7,000 ตันต่อเดือน”
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้นำเข้าแก๊ส LPG หลังจากที่กระทรวงพลังงาน เปิดเสรีนำเข้าแอลพีจี เพื่อนำมาจำหน่ายในประเทศตามนโยบายเปิดเสรี ในล็อตแรกปริมาณ 3.3 หมื่นตัน โดยใช้เรือบรรทุกก๊าซขนาดใหญ่ (VLGC) ลอยลำ เพื่อทำ Ship to Ship บริเวณเขตท่าเรือศรีราชา และนำเรือบรรทุกก๊าซ LPG ขนาดเล็กเข้าไปรับเมื่อวันที่ 25 ก.พ.2560 ที่ผ่านมา เป็นลำแรกแล้ว ซึ่งเป็นการจำหน่ายในประเทศ 100% ทั้งนี้ มั่นใจว่าการนำเข้าในล็อตแรกนี้บริษัทฯ จะสามารถบริหารจัดการได้หมด และสนับสนุนรายได้ให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
สำหรับผลประกอบการในงวดปี 2559 ของบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ 1,118.72 ล้านบาท จากงวดเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,115.92 ล้านบาท มีรายได้รวม 48,161.41 ล้านบาท ลดลง 17.08% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้ 85,082.01 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกมีการปรับตัวลดลงตั้งแต่ปี 2557 โดยราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกโดยรวมสำหรับปี 2559 มีราคาเฉลี่ยประมาณ 340 เหรียญสหรัฐต่อเมตริกตัน และในปี 2558 มีราคาเฉลี่ย 426 เหรียญสหรัฐต่อเมตริกตัน ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อรายได้ธุรกิจการจำหน่ายก๊าซ LPG ในต่างประเทศ
“ในปี 2559 ที่ผ่านมา ราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกโดยรวมยังคงปรับตัวลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนสินค้าที่มีไว้เพื่อขายสำหรับธุรกิจการจำหน่ายก๊าซ LPG ในต่างประเทศเมื่อเทียบกับปีก่อน จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมของกลุ่มสำหรับปีที่ผ่านมา อยู่ที่จำนวน 2,890.93 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6 ซึ่งมีกำไรขั้นต้นลดลง 145.63 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.80 เมื่อเทียบกับปี 2558 ซึ่งมีผลกำไรขั้นต้นโดยรวมของกลุ่มบริษัทจำนวน 3,036.56 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.23”
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเสนอผู้ถือหุ้นจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการของ ปี 2559 ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท โดยได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล งวดมกราคม-มิถุนายน 2559 ไปแล้ว หุ้นละ 0.15 บาท คงเหลือจ่ายเงินปันผลในรอบครึ่งปีหลังงวดเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2559 หุ้นละ 0.35 บาท ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวขึ้นอยู่กับมติของผู้ถือหุ้นในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2560 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 10 มีนาคม 2560 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 18 พฤษภาคม 2560