ข้อมูลจากเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม ระบุว่า ในช่วงไมกี่ปีที่ผ่านมา ระหว่างปี 2553-2558 ระบบเงินสดหมุนเวียนในประเทศสวีเดน นั้นลดลงกว่า 15% เนื่องจากคนสวีเดน กว่า 95% สามารถเข้าถึงเดบิต หรือเครดิตการ์ดแล้ว ขณะเดียวกัน ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ การจ่ายเงินผ่านโลกออนไลน์ และผ่านโทรศัพท์มือถือ ก็เป็นที่ยอมรับ และได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่ชาวสวีเดน
สวีเดน ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ถือว่ากำลังก้าวไปสู่ระบบสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) ได้เร็วที่สุดประเทศหนึ่งของโลก ร่วมกับสิงคโปร์, เนเธอร์แลนด์, ฝรั่งเศส, แคนาดา, เบลเยียม รวมถึงสหราชอาณาจักร ที่มากกว่าครึ่งของธุรกรรมทางการเงินนั้นไม่ต้องใช้เงินสด
สังคมที่ไม่ต้องพึ่งพาการใช้เงินสดดีอย่างไร?
มีการศึกษากันแล้วว่า ในสังคมไทย หากพวกเราสามารถลดการพกพาเงินสดแบบเดิมๆ และหันมาใช้การชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์กันมากๆ ขั้นแรกจะช่วยประหยัดต้นทุนของระบบเศรษฐกิจโดยรวมได้ประมาณ 7.5 หมื่นล้านบาทต่อปี ขณะเดียวกัน ภาคการเงินการธนาคารก็จะสามารถประหยัดต้นทุนได้ราว 3 หมื่นล้านบาทต่อปี จากการลดต้นทุนการพิมพ์ธนบัตร การบริหารจัดการเงินสด และเช็ค ไม่ว่าจะการขนย้ายเงินสดจากจุดหนึ่งไปที่จุดหนึ่ง รวมไปถึงต้นทุนค่าเสียโอกาสของเงินสดที่เก็บไว้ในศูนย์จัดการเงินสด นอกจากนี้ ภาคธุรกิจไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าแม่ขาย หรือร้านค้าทั่วไป ก็จะสามารถจะประหยัดต้นทุนในการบริหารจัดเก็บเงินสด และเช็ค การพิมพ์หรือจัดส่งเอกสารใบกำกับภาษีได้อีกราว 4.5 หมื่นล้านบาทต่อปี
เมื่อคำนวณรวม ๆ กันแล้วการก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสดจะสามารถลดต้นทุนของระบบเศรษฐกิจไทยได้อีกมากถึงราว 150,000 ล้านบาท โดยตัวเลขดังกล่าวนับว่ามากมายมหาศาล ทั้งนี้ หากการเปลี่ยนผ่านดังกล่าวยิ่งเกิดขึ้นเร็ว ก็จะยิ่งนำมาซึ่งวงจรธุรกิจที่หมุนเร็วขึ้น ต้นทุนการบริหารสต็อกสินค้าที่ลดลง และยังสามารถส่งผลไปยังราคาสินค้าที่สามารถปรับลดลงได้อีกด้วย
การพัฒนาไปสู่สังคมไร้เงินสดไม่เพียงจะช่วยลดต้นทุนทางเศรษฐกิจ แต่ยังสามารถช่วยแก้ปัญหาหลายๆ อย่างที่เรานึกไม่ถึง รวมถึงเปิดประตูไปสู่การสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เรียกได้ว่าช่วยให้ชีวิตของเราสะดวกสบายยิ่งขึ้นกว่าเดิม ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น ในบ้านเรา การที่ร้านค้าไหนเปิดรับการจ่ายเงินผ่านระบบ WeChat Alipay จะช่วยเพิ่มยอดขายในหมู่นักท่องเที่ยวจีนอย่างเห็นได้ชัด ขณะเดียวกัน การแข่งขันของสถาบันการเงินต่างๆ ในการยกเว้นค่าธรรมเนียมเมื่อใช้บริการผ่านระบบโมบายแอปพลิเคชันก็ช่วยให้เรานอกจากจะสะดวกสบายขึ้นแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนการเดินทาง การจ่ายบิล การโอนเงินได้ด้วย
ในส่วนของหน่วยงานภาครัฐ กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลาง ถือได้ว่ามีบทบาทสำคัญยิ่งที่จะผลักดันให้ “สังคมไร้เงินสด” แพร่หลายไปยังทุกภาคส่วนอย่างเป็นรูปธรรม จากนโยบายที่กำหนดให้หน่วยงานราชการที่มีการรับเงิน-จ่ายเงิน ต้องใช้การรับ-จ่ายผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น ซึ่งตอนนี้ได้มอบหมายให้ธนาคารกรุงไทย เร่งในการติดตั้งเครื่อง EDC ที่เป็นอุปกรณ์ในการรับเงิน และติดตั้งระบบงาน Krungthai Corporate Online เพื่อเป็นช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ในการจ่ายเงิน และนำส่งเงิน ให้กับหน่วยงานราชการทั่วประเทศ ดังนั้น เวลาไปติดต่อทำธุรกรรมที่หน่วยงานราชการ ไม่จำเป็นต้องพกเงินสด สามารถใช้บัตรเดบิต บัตรเครดิต หรือใช้ Mobile Application ของทุกธนาคารในประเทศไทย ไปชำระเงินให้หน่วยงานราชการได้
สำหรับคนที่มีบัญชีธนาคาร ไม่ต้องกังวลใจ เพราะล่าสุด ธนาคารกรุงไทย ที่ไม่เพียงจะดำเนินการปรับโฉมใหม่ด้วยแนวคิด Live Smart เพื่อให้เป็นธนาคารที่เข้าใจผู้บริโภคมากที่สุด ได้มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการแบบฟรีค่าธรรมเนียมในการชำระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์กับหน่วยงานราชการแบบเต็มขั้น โดยเลือกได้หลากหลายทั้งแบบที่ต้องมีบัญชีธนาคาร และแบบเติมเงินที่ไม่ต้องมีบัญชีธนาคาร ซึ่งทั้งสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นบัตรเดบิตกรุงไทย, บัตร KTB e-Money/Gift Card, บัตรกรุงไทยพร้อมจ่าย, บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ Mobile Application “netbank”
ซึ่งไม่ว่าจะแบบไหน ลูกค้ากรุงไทยก็สามารถใช้ชำระเงินกับหน่วยราชการได้แบบฟรีโดยไม่มีค่าธรรมเนียม นี่แหละถึงเรียกได้ว่า #กรุงไทยเข้าใจคุณ จริง ๆ
(พื้นที่ประชาสัมพันธ์)
