บิ๊กบอส “ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้” มั่นใจแนวโน้มรายได้-กำไรปี 61 โตก้าวกระโดด อานิสงส์ออเดอร์ทะลัก-เปิดฉากรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าเต็มปี ผู้ถือหุ้นเตรียมรับทรัพย์เงินปันผลงวดปี 60 ในอัตรา 0.04 บาทต่อหุ้น วันที่ 25 พ.ค. นี้ พร้อมจับมือ TSE ร่วมเป็นพันธมิตร ลุยโซลาร์ฟาร์มโปรเจกต์ยักษ์ใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น ขนาดกำลังการผลิต 154.98 MW คาดขายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ในปี 65 หนุนผลงานเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และมั่นคง
นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ FPI เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2561 คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยได้รับปัจจัยหนุนจากออเดอร์สินค้าชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะคำสั่งซื้อชิ้นส่วนของรถยนต์มาสด้า จากออสเตรเลีย ที่เริ่มส่งมอบในปีนี้ โดยในส่วนของโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในประเทศอินเดีย ของ ALP FPI PARTS PRIVATE LIMITED ซึ่งบริษัทถือหุ้นอยู่ 45% นั้น ขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการผลิตแล้ว ก็จะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเข้ามาในปีนี้
ส่วนแนวโน้มตลาดชิ้นส่วนยานยนต์ในตลาดโลก ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เช่น ในออสเตรเลีย และยุโรป ที่มีมาร์จินสูง โดยเฉพาะออสเตรเลีย ซึ่งเป็นโอกาสของคนไทยจะที่ผลิตสินค้าป้อนให้กับตลาดออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เพราะไทยได้มีการเซ็นสัญญา FTA ระหว่างกัน ส่วนค่ายยุโรป ก็มองหาฐานผลิตในไทย, ไต้หวัน, จีน ส่วนตลาดเอเชียตะวันออกกลาง และอเมริกาใต้ ยังอยู่ในระดับที่ดี
อย่างไรก็ตาม ตลาดแอฟริกายังคงแย่ต่อเนื่องจากภาวะสงคราม และค่าเงิน ตลอดจนกฎระเบียบต่างๆ ทำให้การนำเข้าชะลอตัวลง ขณะที่ปัจจุบัน บริษัทฯ มีตลาดส่งออกหลักในซาอุดิอาระเบีย, อังกฤษ และปีนี้จะส่งออกไปยังออสเตรเลียมากขึ้น หลังได้คำสั่งซื้อใหม่เข้ามา โดยปัจจุบันมีงานที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 700 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยส่งมอบต่อไป
นอกจากนี้ บริษัทฯ จะมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการร่วมทุนในโรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาด 1 เมกะวัตต์ ในอำเภอลอง จังหวัดแพร่ ซึ่งใช้เทคโนโลยีระบบผลิตก๊าซเชื้อเพลิงจากชีวมวล (Gasification) จะเริ่ม COD ต้นเดือน เม.ย. 61 มีผลตอบแทนการลงทุน (IRR) สูงถึง 36-38% มากกว่า IRR จากโรงไฟฟ้าชีวมวลทั่วไปที่อยู่ระดับ 17-18% รวมไปถึงเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจไฟฟ้าชีวมวล ขนาด 7.5 เมกะวัตต์ (MW) ในจังหวัดนราธิวาส เข้ามาเต็มปี หลังจากเริ่มเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) เมื่อปลายเดือน มิ.ย. 2560 ที่ผ่านมา
ล่าสุด บริษัทฯ ได้ขยายการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ประเภทติดตั้งบนพื้นดิน ขนาดกำลังการผลิต 154.98 เมกะวัตต์ ณ เมืองโอนิโกเบ จังหวัดมิยางิ ประเทศญี่ปุ่น ผ่านบริษัท ทีเอสอี โอเวอร์ซีส์ กรุ๊ป จำกัด (TSEO) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง TSE กับ FPI ในสัดส่วน 60:40 โดยมีกำหนดการจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ในปี 2565 หนุนผลงานเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และมั่นคง
อนึ่ง ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 25 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา มีมติจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดผลการดำเนินงานในปี 2560 (มกราคม-ธันวาคม 2560) ในอัตรา 0.04 บาทต่อหุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD และ XM เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 61 กำหนดจ่ายในวันที่ 25 พ.ค. 61