Forbes เผยตระกูล “เจียรวนนท์” ยังครองอันดับ 1 อภิมหาเศรษฐีไทยปี 61 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 9.37 แสนล้านบาท ตามด้วยกลุ่ม “จิราธิวัฒน์” เจ้าของธุรกิจเครือเซ็นทรัล และตระกูล “อยู่วิทยา” เจ้าของเครื่องดื่มกระทิงแดง ส่วน “เสี่ยเจริญ” เจ้าของ “เบียร์ช้าง” อยู่อันดับ 4 ด้านผู้บริหาร TOA-GULF-BEAUTY-DDD ติดโผเศรษฐีใหม่
Forbes Media เป็นบริษัทสื่อชั้นนำระดับโลกที่มุ่งนำเสนอข่าวสารและข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ การลงทุนเทคโนโลยี ผู้ประกอบการ และผู้นำทางธุรกิจ ได้ประกาศรายชื่อ 50 อันดับอภิมหาเศรษฐีของไทย ประจำปี 2561 โดยใช้ข้อมูลทางการเงินและการถือครองหุ้นที่ได้รับจากครอบครัว และผู้ที่ได้รับการจัดอันดับ ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ นักวิเคราะห์ และหน่วยงานกำกับดูแล รวมถึงทรัพย์สินของครอบครัว และทรัพย์สินที่ถือครองโดยสมาชิกครอบครัวในหลายรุ่น ทั้งนี้ มูลค่าทรัพย์สินในบริษัทมหาชนคำนวณจากราคาหุ้น และอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 20 เมษายน ส่วนทรัพย์สินในบริษัทที่ถือครองส่วนตัวประเมินค่าโดยเปรียบเทียบกับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเดียวกันที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
กลุ่มบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของไทย มีทรัพย์สินรวมกันทะยานขึ้นเป็นกว่า 1.62 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ (5.06 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นหนึ่งในสามจากปีที่แล้ว โดยผู้ที่ติดทำเนียบ 50 บุคคลร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย มีถึงสองในสามที่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเฉพาะสี่อันดับแรกมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นรวมกันเกือบ 2.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (7.81 แสนล้านบาท) หลังผ่านพ้นช่วงเวลาซบเซาสั้นๆ เศรษฐกิจของประเทศไทยเริ่มกลับมากระเตื้องอีกครั้ง ธนาคารโลกคาดการณ์เป็นครั้งแรกนับจากปี 2555 ว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวกว่าร้อยละ 4 ในปี 2561 หลังการส่งออกเพิ่มขึ้นผนวกกับความต้องการในประเทศฟื้นตัวแม้เศรษฐกิจจะโตแบบค่อยเป็นค่อยไป
ทรัพย์สินของบรรดาบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากตลาดหุ้นขาขึ้น และเงินบาทที่แข็งค่าสี่อันดับแรกในทำเนียบมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นสูงสุดโดยพี่น้องตระกูลเจียรวนนท์ แห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ ยังครองอันดับหนึ่งอย่างต่อเนื่องด้วยทรัพย์สินมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (9.37 แสนล้านบาท) ด้วยแรงหนุนจากราคาหุ้นของบริษัทสำคัญๆ ที่ทะยานขึ้น อาทิ บมจ. ซีพี ออลล์ (CPALL) ซึ่งเป็นบริษัทบริหารร้านค้าสะดวกซื้อ 7-Eleven ที่ได้อานิสงส์จากบรรยากาศการบริโภคที่สดใส และบริษัทประกันภัย Ping An ที่ได้อานิสงส์จากการลงทุนในธุรกิจฟินเทค
อันดับที่สอง ประจำทำเนียบเป็นของตระกูลจิราธิวัฒน์ แห่งกลุ่มเซ็นทรัล มาพร้อมทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นแตะ 2.12 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (6.62 แสนล้านบาท) จาก 1.53 หมื่นล้านเหรียญสหัฐฯ ในปีที่ผ่านมา, นายเฉลิม อยู่วิทยา แห่งกระทิงแดงมาในอันดับที่ 3 โดยมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 8.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็น 2.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (6.56 แสนล้านบาท) ในปีนี้นายเจริญ สิริวัฒนภักดี (อันดับ 4) แห่งกลุ่มไทยเบฟเวอเรจ มีทรัพย์สินเพิ่มจากปีที่ผ่านมา 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ รวมเป็นมูลค่าทรัพย์สิน 1.74 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (5.43 แสนล้านบาท)
ขณะที่ Aloke Lohia (อันดับ 9) เป็นมหาเศรษฐีอีกหนึ่งท่านที่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมาก ทะยานแตะ 3.3 พันล้านเหรียญ (1.03 แสนล้านบาท) พุ่งขึ้นถึงร้อยละ 89 การบรรลุข้อตกลงที่สำคัญนับตั้งแต่ปี 2557 ทำให้ บมจ. อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) เข้าเป็นเจ้าของกิจการ 16 แห่งทั่วโลก ซึ่งรวมถึงกิจการในยุโรป และอเมริกาเหนือ ในปี 2560 บริษัทรายงานตัวเลขรายได้ 8.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เติบโตอย่างก้าวกระโดดถึงร้อยละ 17
สิ่งสะท้อนความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นคือปีนี้มีถึง 32 อันดับที่มีทรัพย์สินระดับพันล้านเหรียญขึ้นไป เพิ่มจากปี 2560 สี่อันดับ (5 ท่าน) โดยสองในนี้เป็นมหาเศรษฐีใหม่ที่เพิ่งเข้าอันดับเป็นครั้งแรกหลังพาบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ได้แก่ นายสารัชถ์รัตนาวะดี ซีอีโอแห่ง บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) (อันดับ 7) ซึ่งเข้าตลาดเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทำให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐีหน้าใหม่ที่ร่ำรวยที่สุดด้วยทรัพย์สินมูลค่า 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (1.06 แสนล้านบาท) และอีกหนึ่ง คือ นายประจักษ์ ตั้งคารวคุณ ประธานกรรมการ บมจ. ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) หรือ TOA (อันดับ 14) เข้าทำเนียบมาเป็นปีแรกด้วยทรัพย์สิน สุทธิ 2.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (6.56 หมื่นล้านบาท) อีกสองมหาเศรษฐีหน้าใหม่ประจำทำเนียบมาจากธุรกิจความสวยความงามที่กำลังเฟื่องฟู ได้แก่ นพ. สุวิน และธัญญาภรณ์ ไกรภูเบศ แห่ง บมจ. บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) (อันดับ 40) โดยทั้งคู่มีทรัพย์สินรวมกัน 715 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (2.23 หมื่นล้านบาท) และนายสราวุฒิ พรพัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ดู เดย์ ดรีม (DDD) (อันดับ 45) กับมูลค่าทรัพย์สิน 675 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (2.11 หมื่นล้านบาท) ทำรายได้อย่างงามจากกระแสคลั่งไคล้ผิวขาว
ในบรรดามหาเศรษฐีนี 9 คนที่เข้าสู่ทำเนียบในปีนี้ สองคนเป็นผู้ที่กลับเข้าสู่อันดับอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งรวมถึง สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ (อันดับ 28) ประธานกลุ่มบริษัทไทยซัมมิท ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ด้วยทรัพย์สิน 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (4.06 หมื่นล้านบาท) ด้าน Nishita Shah Federbush (อันดับ 32, 1.06 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ) ทายาทธุรกิจขนส่งทางทะเลผู้กุมบังเหียนจีพี กรุ๊ป เป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีนีที่โดดเด่นด้วยมูลค่าทรัพย์สินของตระกูลมีมูลค่าเกิน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก โดยส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นจากการเข้าถือหุ้นร้อยละ 51 ใน บมจ. เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ บริษัทยาและผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพที่ Kirit พ่อของเธอเป็นผู้ก่อตั้งใน
ปี 2525 จากการกำหนดทรัพย์สินสุทธิขั้นต่ำของผู้ที่ได้รับการจัดอันดับที่ 600 ล้านเหรียญ ทำให้มีมหาเศรษฐีเจ็ดคนหลุดจากทำเนียบ 50 อภิมหาเศรษฐีไทยไปในปีนี้ รวมทั้งภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์ของเขาทำรายได้และผลกำไรลดลงจากอุปสงค์ที่อ่อนแรงและราคาวัตถุดิบที่ถีบตัวสูงขึ้น
รายชื่อตระกูลและอภิมหาเศรษฐี 10 อันดับแรกของไทย
1. พี่น้องเจียรวนนท์ มูลค่าทรัพย์สิน 3.0 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ
2. ตระกูลจิราธิวัฒน์ มูลค่าทรัพย์สิน 2.12 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ
3. เฉลิม อยู่วิทยา มูลค่าทรัพย์สิน 2.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ
4. เจริญ สิริวัฒนภักดี มูลค่าทรัพย์สิน 1.74 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ
5. วิชัย ศรีวัฒนประภา มูลค่าทรัพย์สิน 5.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
6. กฤตย์ รัตนรักษ์ มูลค่าทรัพย์สิน 3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
7. สารัชถ์ รัตนาวะดี มูลค่าทรัพย์สิน 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
8. นพ. ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ มูลค่าทรัพย์สิน 3.35 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
9. Aloke Lohia มูลค่าทรัพย์สิน 3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
10. วานิช ไชยวรรณ มูลค่าทรัพย์สิน 3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ