ผู้จัดการรายวัน 360 - “ซีพีเอ็น” ทุ่มงบ 5 พันล้านบาทเปิดฟอร์แมตใหม่ “เซ็นทรัล วิลเลจ” ลักชัวรีเอาต์เลตใกล้สุวรรณภูมิ คาดเปิดบริการไตรมาสสามปี 62 ดึงดูดนักชอปกว่า 6 ล้านคนต่อปี เจาะทั้งคนไทย 65% และกลุ่มใหม่ยังก์แอฟฟลูเอนต์ และต่างชาติ 35%
นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจและโครงการ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ใช้งบประมาณกว่า 5,000 ล้านบาทในการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ คือ “เซ็นทรัล วิลเลจ” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มใหม่ของบริษัทฯ และไนไทย คือ โครงการลักชัวรีเอาต์เลตสมบูรณ์แบบ ตั้งอยู่บนที่ดิน 100 ไร่ พื้นที่ 40,000 ตารางเมตร ใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นโครงการที่ศึกษามานานกว่า 6 ปี โดยมีที่ปรึกษาต่างประเทศคือบริษัท ดิ เอาท์เล็ท คอมพานี เป็นที่ปรึกษาโครงการที่ทำให้กับเอาต์เลตต่างประเทศมาจำนวนมาก เช่น ในญี่ปุ่น ไต้หวัน เป็นต้น
ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์เปิดบริการได้ภายในไตรมาสที่สาม ปี 2562 ในโครงการมีหลายเฟส แต่ตั้งเป้าที่จะสร้างให้เสร็จพร้อมกัน ทั้งเอาต์เลตโรงแรมขนาด 200 ห้อง อยู่ระหว่างเจรจากับเชนต่างชาติที่จะเข้าบริหาร มีซูเปอร์มาร์เกตด้วย โดยแบ่งสัดส่วนเป็น ร้านค้าลักชัวรีแบรนด์เนม 20% ซึ่งมีอินเตอร์แบรนด์ระดับหรูหลายแบรนด์ที่เจรจาและพร้อมที่จะเข้ามาเปิดชอปในเอาต์เล็ตนี้ ที่เหลือเป็นร้านอาหาร ร้านสินค้าไทยแบรนด์ สินค้าที่เป็นเครือของเซ็นทรัลเองด้วย รวมทั้งหมดกว่า 235 ร้านค้า
“อย่าเอาเอาต์เล็ตเราไปเปรียบเทียบกับดิวตี้ฟรี เพราะไม่เหมือนกัน ไม่ได้แข่งขันกับเขา เราแข่งกับพวกลักชัวรีเอาต์เลตด้วยกันเหมือนในต่างประเทศ เช่น โจโฮบารู ในมาเลเซีย มิตซุยกับกลอเรียที่ไต้หวัน โกเทมบะที่ญี่ปุ่น ซิตี้เกตุที่ฮ่องกง หรือวิสเตร์วิลเลจที่ยุโรป เป็นต้น ราคาสินค้าในเอาต์เลตของเราปกติแล้วก็จะต่ำกว่า 35-70% ลดราคาทุกวัน ไม่ต้องรอซีซันนัลเซล” นางสาววัลยากล่าว
สำหรับทำเลที่ตั้งของเราถือว่ามีความเหมาะสมอย่างมาก เพราะอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ เดินทาง 10 นาทีก็ถึง ส่วนคนในเมืองเดินทางเฉลี่ย 45 นาทีก็ถึง อีกทั้งสนามบินสุวรรณภูมิเป็นสนามบินอันดับ 1 ที่มีจำนวนผู้โดยสารมากที่สุดในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ หรือกว่า 55 ล้านคนในปี 2560 และติด 1 ใน 10 อันดับของสนามบินที่มีจำนวนผู้โดยสารมากที่สุดในเอเชียด้วย และคาดว่าในปี 2563 ส่วนขยายของสนามบินจะแล้วเสร็จ จะรองรับผู้โดยสารสูงถึง 60 ล้านคนต่อปี
กลุ่มเป้าหมายของโครงการเอาต์เลต เซ็นทรัล วิลเลจนี้เจาะทั้งคนไทยสัดส่วน 65% และคนต่างประเทศสัดส่วน 35% ซึ่งในทำเลย่านนั้นจะมีประชากรมากกว่า 12 ล้านคนที่มีกำลังซื้อพอสมควร และยังจับกลุ่มใหม่ที่เรียกว่า ยังก์แอฟฟลูเอนต์ หรือ Young Affluent) อายุ 25-40 ปี เป็นคนรุ่นใหม่ ประสบความสำเร็จรวดเร็ว มีรายได้สูง ที่เป็นนักชอปปิ้งแบรนด์เนม รู้จักเปรียบเทียบสินค้า ต้องการสินค้าดีมีคุณภาพ ซึ่งในไทยจากการที่เก็บข้อมูลจะมีประมาณ 2 ล้านคน
ขณะที่กลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างประเทศนั้น ปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยมากถึง 35 ล้านคน และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 37 ล้านคนในปีนี้ กลุ่มเป้าหมายหลักคือ จีน รัสเซีย ทั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้เข้ามาในเซ็นทรัลวิลเลจเอาต์เลตนี้ประมาณ 10,000 คนต่อวัน หรือประมาณ 6 ล้านคนต่อปี
นางสาววัลยากล่าวว่า ในแต่ละปีบริษัทฯ จะใช้งบลงทุนเฉลี่ย 10,000-15,000 ล้านบาท ในการพัฒนาโครางการต่างๆ ซึ่งในปีนี้โครงการใหม่ที่เปิดตัวคือ เซ็นทรัลวิลเลจ ส่วนโครงการที่เตรียมเปิดบริการในปีนี้ เช่น เซ็นทรัลภูเก็ตส่วนที่สอง เปิดกันยายนปีนี้ โครงการเซ็นทรัลไอซิตี้ที่มาเลเซีย สาขาที่ 34 จะเปิดเดือนพฤศจิกายนนี้ และเซ็นทรัลเวิลด์ที่ปรับปรุงครั้งใหญ่คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์และเปิดบริการได้ทั้งหมดปลายปีนี้ นอกจากนั้นมีอีก 3 สาขาที่จะปรับปรุงครั้งใหญ่ จากปัจจุบันมีสาขาเปิดบริการ 32 แห่ง
โดยปีที่แล้วมีรายได้รวม 34,594 ล้านบาท เติบโต 18% จากปี 2559 และมีกำไรสุทธิ 13,568 ล้านบาท เติบโต 47%
นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานปฏิบัติการ กล่าวว่า เซ็นทรัล วิลเลจ เป็นลักชัวรีเอาต์เลตที่มีจุดเด่นแตกต่าง 4 ประการ คือ 1. ความหลากหลายของลักชัวรีแบรนด์เนมทั้งไทยและต่างประเทศกว่า 235 แบรนด์ สินค้าหลากหลายเช่น เสื้อผ้า อุปกรณ์กีฬา นาฬิกา สินค้าไลฟ์สไตล์ สินค้าตกแต่งบ้าน เป็นต้น และสินค้าต่างๆ ของกลุ่มเซ็นทรัลด้วย 2. ราคา เป็นสิ่งสำคัญของเอาต์เลต ด้วยส่วนลด 35-70% มีทุกวัน 3. การให้บริการที่มุ่งมั่น หลากหลายเทียบเท่าศูนย์การค้า ทั้งร้านอาหาร ร้านสินค้า จุดบริการนักท่องเที่ยว สนามเด็กเล่น ซูเปอร์มาร์เกต โรงแรม 4. ทำเลที่ตั้งใกล้สนามบินสุวรณภูมิ เดินทางไปยังโครงการเพียง 10 นาที และยังเป็นประตูสู่ภาคตะวันออก ด้วยจำนวนรถยนต์ที่วิ่งผ่านกว่า 200,000 คันต่อวัน หรือ 75 ล้านคันต่อปี รองรับการขยายตัวของเมืองด้วยแผนการขยายสนามบินและรถไฟฟ้า