ธนาคารไทยพาณิชย์ และบริษัทย่อย แจ้งผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2561 ธนาคารมีรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 6.6% จากปีก่อน จากการเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย 13.4% ซึ่งส่วนใหญ่มาจากกำไรจากธุรกรรมเพื่อค้า และปริวรรตเงินตราต่างประเทศ และรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิ ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 3.4% อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายทางการตลาดในการขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะลูกค้าบนระบบดิจิทัล (Digital acquisition) และการลงทุนทางด้านดิจิทัลตามยุทธศาสตร์ของธนาคาร ทำให้กำไรสุทธิในไตรมาส 1 ปี 2561 (งบการเงินรวมก่อนสอบทาน) มีจำนวน 11,364 ล้านบาท ลดลง 4.6% จากไตรมาส 1/2560
ด้านอัตราส่วน NPL ในไตรมาส 1/2561 ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 2.77% จาก 2.83% ณ สิ้นปี 2560 ทั้งนี้ ธนาคารได้ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 5,012 ล้านบาท หรือ 0.98% ของสินเชื่อรวม ส่งผลให้อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพปรับตัวดีขึ้นเป็น 141.9% ณ สิ้นไตรมาส 1/2561 จาก 137.3% ณ สิ้นปี 2560
นายอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ธนาคารให้ความสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าทุกกลุ่มด้วยบริการทางการเงิน ซึ่งอยู่บนดิจิทัลแพลตฟอร์มที่ทันสมัย ซึ่งมีทั้งความรวดเร็ว และปลอดภัย ส่วนในการดำเนินธุรกิจนั้น แม้ว่าการแข่งขันจะสูงขึ้นทั้งจากธนาคารพาณิชย์ และที่มิใช่ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารก็ได้ปรับตัวสู้ด้วยยุทธศาสตร์ตีลังกา (Going upside down) เพื่อให้มีความยืดหยุ่น และรวดเร็ว ต่อการตอบสนองของพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของลูกค้าทุกรูปแบบ ซึ่งในระยะยาว ธนาคารเชื่อว่า “ธนาคารบนมือถือ” จะเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการทำธุรกิจให้ธนาคารต่อไป