xs
xsm
sm
md
lg

EFORL เพิ่มทุน 1.61 หมื่น ล. หุ้น ขายพีพี ให้ “วิชัย ทองแตง” ถือหุ้นใหญ่ 22.68%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บอร์ด บมจ. อี ฟอร์ แอล เอม ไฟเขียวเพิ่มทุน 1.61 หมื่นล้านหุ้น ขายพีพีให้ “วิชัย ทองแตง” ในสัดส่วน 22.68% และนักลงทุนรายอื่นอีก 4 ราย ราคาหุ้นละ 4 สตางค์ รับเงินทุนกว่า 644 ล้านบาท เพื่อใช้รองรับการดำเนินธุรกิจเครื่องมือแพทย์ และธุรกิจความงาม

นายธีรวุทธิ์ ปางวิรุฬรักข์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) หรือ EFORL แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 5 เม.ย. ที่ผ่านมา อนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2561 ในวันที่ 21 พ.ค. เพื่อพิจารณาอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 2.81 พันล้านบาท จากเดิมที่ 1.6 พันล้านบาท โดยออกหุ้นเพิ่มทุน 1.61 หมื่นล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.075 บาท เสนอขายให้กับบุคคลเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวน 5 ราย ได้แก่ นายวิชัย ทองแตง, นายชาคริต ศึกษากิจ, นายเกรียงไกร เธียรนุกูล, นายชวลิต เศรษฐเมธีกุล และนายเกรียงไกร ฏิระวณิชย์กุล ที่ราคาหุ้นละ 0.04 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 644.33 ล้านบาท

โดยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่กลุ่มผู้ถือหุ้นในครั้งนี้ นักลงทุนทุกรายจะไม่สามารถขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ได้รับจัดสรรในครั้งนี้เป็นระยะเวลา 12 เดือน (Lock-up) นับตั้งแต่วันที่หุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวเริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ

สำหรับภายหลังการเพิ่มทุนครั้งนี้ จะทำให้นายวิชัย ทองแตง เข้ามาถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 22.68%, นายชาคริต ศึกษากิจ ถือหุ้น 12.42%, นายเกรียงไกร เธียรนุกูล ถือหุ้น 7.45%, นายชวลิต เศรษฐเมธีกุล ถือหุ้น 4.97%, นายศุภชัย วัฒนาสุวิสุทธิ์ ลดสัดส่วนถือหุ้นเหลือ 3.65% จากเดิม 7.30%, นายโกศล วรฤทธินภา ถือหุ้น 3.21% จากเดิม 6.41%, นายเกรียงไกร ฏิระวณิชย์กุล ถือหุ้น 2.48% เป็นต้น

การเพิ่มทุนครั้งนี้เพื่อเป็นการปรับโครงสร้างทางธุรกิจของบริษัทและกลุ่มบริษัทย่อยทั้งหมดอย่างเป็นระบบ ด้วยการสนับสนุนด้านยุทธศาสตร์จากกลุ่มนักลงทุนใหม่ ซึ่งมีความรู้ประสบการณ์ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบริษัท และเป็นผู้ประสบความสำเร็จในธุรกิจดังกล่าวมาแล้ว โดยยังคงมุ่งหวังเพื่อสร้างประสิทธิภาพ และประสิทธิผลในธุรกิจเดิม และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิมของบริษัทเป็นหลัก คือ ธุรกิจเครื่องมือแพทย์ และธุรกิจที่เกี่ยวกับความงาม

บริษัทมีแผนใช้เงินในธุรกิจเครื่องมือแพทย์ เพื่อจะเพิ่มสินค้าใหม่และขยายการเติบโตจากตัวแทนจำหน่ายไปสู่การผลิตเครื่องมือแพทย์บางรายการ โดยคาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนเพื่อเสริมสภาพคล่อง และขยายธุรกิจในส่วนนี้ประมาณ 200 ล้านบาท โดยบริษัทมีแผนจะใช้เงินลงทุนสำหรับการขยายธุรกิจเครื่องมือแพทย์ ภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2561 เป็นต้นไป

ส่วนธุรกิจความงาม บริษัทมีแผนสู่ธุรกิจสถาบันความงามอย่างครบวงจรเต็มรูปแบบ ได้แก่ การทำโรงพยาบาลศัลยกรรมความงาม การสร้างสาขาแบบ One stop shop การปรับปรุงสาขาให้ตรงกับพฤติกรรมผู้บริโภค การเพิ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และสินค้าใหม่ ๆ การขยายสาขาในระบบ Franchise ให้ครอบคลุมในกลุ่มตลาดเป้าหมายมากขึ้น โดยคาดว่าต้องใช้เงินลงทุนและเงินทุนหมุนเวียนในส่วนนี้ ประมาณ 444 ล้านบาท โดยคาดว่าจะใช้เงินทุนในส่วนนี้ภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2561 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ การเพิ่มทุนจะช่วยให้บริษัทมีแหล่งเงินทุนในการเตรียมความพร้อม และเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางด้านการเงินของบริษัท เพื่อให้บริษัทมีความยืดหยุ่นทางการเงินในการดำเนินงานรวมถึงการลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับธุรกิจการแพทย์ และธุรกิจความงาม นอกจากนี้ นักลงทุนใหม่เป็นผู้มีความรู้มีประสบการณ์ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพธุรกิจปัจจุบันให้มีโอกาสเติบโตขยายต่อไปในอนาคต


กำลังโหลดความคิดเห็น