นายกสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย ชี้อุปสรรคจดทะเบียนสูตรความงามทำทุนจมขัดขาผู้ประกอบการ ทั้งปีลุ้นตลาดเครื่องสำอางและความงาม 3 แสนล้าน โต 8% เท่าปีก่อน ฟาก “ยูเอ็มบี” ชูงาน “ASEAN beauty 2018” วันที่ 3-5 พฤษภาคม 2561 ณ ไบเทค บางนา หวังเม็ดเงินสะพัด 1,000 ล้าน เพิ่มขึ้น 20%
นางเกศมณี เลิศกิจจา นายกสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมาตลาดเครื่องสำอางและความงามไทย มีมูลค่าร่วม 3 แสนล้านบาท โตขึ้น 8% โดยแบ่งออกเป็นส่งออก 1.21 แสนล้านบาท และตลาดในประเทศ 1.81 แสนล้านบาท ซึ่งกลุ่มแฮร์แคร์ ไทยส่งออกเป็นอันดับ 1 ของโลก ส่วนสกินแคร์อยู่อันดับที่ 12 ของโลก
ทั้งนี้ ตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและความงามในประเทศไทย เมื่อปี 2559 มีมูลค่า 2.8 แสนล้านบาท แบ่งเป็น เครื่องสำอางทั่วไปและของใช้ส่วนบุคคล มูลค่า 1.3 แสนล้านบาท สกินแคร์ มูลค่า 71,700 ล้านบาท แฮร์แคร์ 28,934 ล้านบาท คัลเลอร์คอสเมติก 21,572 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์สำหรับช่องปาก 20,522 ล้านบาท แปรงสีฟัน 19,541 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์อาบน้ำ 19,570 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์กันแดด 2,852 ล้านบาท
สำหรับปีนี้มองว่าภาพรวมตลาดน่าจะเติบโตต่อเนื่องหรือไม่ต่ำกว่าปีก่อน โดยมองว่าอุปสรรคในการทำให้ตลาดอาจจะเติบโตได้ช้า คือ เรื่องของกฎหมาย เกี่ยวกับการขอจดแจ้งสูตรผลิตสินค้าที่เปลี่ยนใหม่ จากเดิมคิดแบบเหมารวมสูตร คือ 1 บริษัท จ่ายเพียง 1,000 บาท ไม่ว่าบริษัทนั้นจะผลิตสินค้าออกมากี่ตัวก็ตาม แต่ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น 1 ผลิตภัณฑ์ 1,000 บาท ซึ่งกลายเป็นต้นทุนที่สูงมาก ขณะที่ตัวเลขการขอจดแจ้งสูตรนั้นมีกว่า 5 แสนกว่าตัวแล้ว กลายเป็นต้นทุนแอบแฝงที่เป็นอุปสรรคต่อผู้ประกอบการอย่างมาก
“ค่าใช้จ่ายสำหรับการจดแจ้งรายการละ 1,000 บาท เริ่มต้นใช้ในปีนี้ โดยมีอายุใบอนุญาต 3 ปี ทางสมาคมฯ อยากให้มีกำหนด 5 ปี เช่นเดียวกับประเทศเวียดนาม หากผู้ประกอบการต่ออายุใบอนุญาตไม่ทันกำหนดจะต้องเสียค่าปรับวันละ 500 บาท” นางเกศมณีกล่าว
ด้านนายเอ็ม กันดิ กรรมการผู้จัดการกลุ่ม (ธุรกิจอาเซียน) บริษัท ยูบีเอ็ม เอเชีย (ประเทศไทย) จํากัด กล่าวต่อว่า ปีนี้บริษัทฯ พร้อมจัดดงาน “ASEAN beauty 2018” งานแสดงสินค้าความงามและสุขภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน จัดขึ้นวันที่ 3-5 พฤษภาคม 2561 ณ ไบเทค บางนา พร้อมเป็นศูนย์กลางธุรกิจความงามและสุขภาพในระดับอาเซียนที่จะเชื่อมโยงผู้ประกอบการไทยจากภูมิภาคต่างๆ ได้พบเจอคู่ค้าที่มีคุณภาพจากต่างประเทศ เพื่อเป็นแนวทางในการขยายธุรกิจสู่ตลาดโลก พร้อมร่วมทำกิจกรรมเวิร์กชอปและสามารถเข้าฟังการสัมมนารับความรู้ตลอดงาน โดยปีนี้มีผู้เข้าร่วมออกงานกว่า 350 บูทจากทั่วโลก คาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท จากปีก่อนทำได้ 800 ล้านบาท
ในส่วนของภาพรวมตลาดความงามของอาเซียน ประเทศไทยถือได้ว่ามีศักยภาพ และเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง โดยในปีที่ผ่านมา 2560 ตลาดรวมเครื่องสำอางส่งออกมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 2.5 แสนล้านบาท และตลาดมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 4.5% ในมูลค่าตลาดความงามของอาเซียนอยู่ที่ 5 แสนล้านบาท ขณะที่ตลาดส่งออกคู่แข่งหลักคือ ญี่ปุ่น 21% และอินโดนีเซีย 9% ฟิลิปปินส์และมาเลเซีย 8% เท่ากัน ออสเตรเลีย 6% กัมพูชา 5% จีน อังกฤษและเมียนมาร์ 4% เท่ากัน และประเทศสหรัฐอเมริกา และยุโรป มีสัดส่วนรวมกันอยู่ที่ 26% ซึ่งประเมินว่าในงาน ASEANbeauty 2018 นี้จะมีเงินเดินสะพัดมากกว่า 1,000 ล้านบาท
จากตัวเลขการส่งออกจากประเทศไทย (สถิติ ณ วันที่ 28 ก.พ. 2018 โดย DITP และTCMA) ประมาณ 2,466 ล้านเหรียญสหรัฐ / 88,684 ล้านบาท (35.0949) และสัดส่วนการส่งออกเครื่องสำอาง คือ ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม 30.49%, ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว 15.78%, และอื่นๆ 53.73% โดยมีการซื้อขายกันในประเทศประมาณ 4,700 ล้านเหรียญสหรัฐ (2017) / 168,000 ล้านบาท และมูลค่าตลาดรวม (สถิติปี 2560) คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3 แสนล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโต 8 % ในปี 2560 โดยแบ่งเป็นส่งออก 1.21 แสนล้าน และในประเทศ 1.81 แสนล้านบาท