ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่งดีโอดี ไบโอเทค เสนอขายไอพีโอ 110 ล้านหุ้น เตรียมเข้าตลาด mai เล็งนำเงินที่ได้ใช้เพื่อลงทุนในโรงงานสกัดวัตถุดิบ และห้องปฏิบัติการวิจัยระดับสากล, พัฒนาตราสินค้าใหม่ของบริษัท, ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
สำนักงานคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นับหนึ่งแบบคำขออนุญาต (ไฟลิ่ง) ของ บมจ. ดีโอดี ไบโอเทค โดยบริษัทมีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 110 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.83% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ และจะนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)
บริษัทมีวัตถุประสงค์จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ไปใช้เพื่อลงทุนในโรงงานสกัดวัตถุดิบ และห้องปฏิบัติการวิจัยระดับสากล, พัฒนาตราสินค้าใหม่ของบริษัท, ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
สำหรับ ดีโอดี ไบโอเทค มีทุนจดทะเบียน 205,000,000 บาท และมีทุนที่เรียกชำระแล้ว 150,000,000 บาท โดยแบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 300,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้น 0.50 บาท ซึ่งภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO จะมีทุนชำระแล้วเพิ่มเป็น 205,000,000 บาท โดยแบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 410,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท
บริษัทประกอบธุรกิจเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Dietary Supplement Product) ที่มีส่วนประกอบหลักมาจากสารสกัดจากธรรมชาติ โดยให้บริการครบวงจรแบบ One Stop Service ตั้งแต่การให้คำปรึกษาด้านผลิต การคิดค้นและพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า การบริการจดแจ้งเลขสารบบอาหารของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข ภายใต้ตราสินค้าของลูกค้า การออกแบบสินค้าและบรรจุภัณฑ์ การให้คำปรึกษาด้านการตลาดและช่วยหาช่องทางในการจัดจำหน่าย ตลอดจนการผลิตและการควบคุมการผลิตที่ได้คุณภาพ โดยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของบริษัทแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ ได้ดังนี้
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อความงาม แบ่งออกเป็น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อดูแลรูปร่าง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยสารสกัดต่าง ๆ ที่มีคุณสมบัติช่วยดูแลรูปร่าง เช่น ช่วยเผาผลาญไขมัน ลดการสะสมของไขมัน และลดความอยากอาหาร เป็นต้น และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อดูแลผิวพรรณ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยสารสกัดต่าง ๆ ที่มีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิวพรรณให้นุ่ม ชุ่มชื่นยกกระชับ กระจ่างใส ลดเรือนริ้วรอย และจุดด่างดำบนใบหน้า
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภครับประทานเพื่อต้องการให้ร่างกายมีประสิทธิภาพดีขึ้น โดยผลิตภัณฑ์ประกอบด้วยวิตามินแร่ธาตุต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น สารต้านอนุมูลอิสระ และสารสกัดต่าง ๆ ที่ช่วยในเรื่องเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ เช่น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงสมอง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อระบบขับถ่าย และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทโปรตีน
ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีการจำหน่ายให้แก่ลูกค้าในประเทศทั้งหมด โดยส่วนใหญ่เป็นการผลิตตามคำสั่งซื้อของลูกค้า และภายใต้ตราสินค้าที่ลูกค้ากำหนด ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบริษัทซื้อมาขายไป (Trading Company) ที่ทำหน้าที่เป็นคนกลางหรือเป็นผู้รวบรวมคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายย่อยต่าง ๆ ที่ต้องการมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้ตราสินค้าของตนเอง เช่น ดารา นักแสดง ศิลปิน หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงต่าง ๆ ตลอดจนคลินิกเสริมความงาม บริษัทขายตรง หรือบริษัทที่มีหน้าร้านขายสินค้าเครื่องสำอางในห้างสรรพสินค้า เป็นต้น
นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพของบริษัทเอง ภายใต้ตราสินค้า “Dai a to” (ได เอโตะ) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพประเภทโปรตีน มีคุณสมบัติช่วยดูแลรูปร่าง ช่วยลดการสะสมของไขมันส่วนเกิน บำรุงระบบประสาท และบำรุงผิวพรรณให้กระจ่างใส มีลักษณะเป็นผงชงดื่มโดยนำมาผสมน้ำ เขย่าให้เข้ากัน แล้วดื่มทดแทนมื้ออาหาร
ผลการดำเนินงานช่วงปี 57-59 มีรายได้รวม 169.93 ล้านบาท, 385.36 ล้านบาท และ 368.37 ล้านบาท ตามลำดับ รายได้เกือบทั้งหมดเป็นรายได้จากการขาย กำไรสุทธิ มีจำนวน 47.27 ล้านบาท 128.89 ล้านบาท และ 138.78 ล้านบาท ตามลำดับ ต้นทุนขายที่สำคัญ ประกอบด้วย ต้นทุนวัตถุดิบ ค่าแรงงาน และค่าใช้จ่ายการผลิตอื่น ๆ อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเท่ากับ 38.10%, 47.14% และ 53.69% ส่วนอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 27.82%, 33.45% และ 37.67%
ขณะที่งวด 9 เดือนแรกของปี 60 มีรายได้รวม 292.78 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 293.66 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 115.13 ล้านบาท ลดลงจาก 123.92 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อน โดย ณ วันที่ 30 ก.ย. 60 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 389.58 ล้านบาท หนี้สินรวม 92.12 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 297.46 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้และหักสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนด