xs
xsm
sm
md
lg

หนุ่มวัย 24 เปลี่ยน “ยางพารา” เป็น “น้ำตบ” คว้าเหรียญทองจากเกาหลี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ใครจะรู้ว่า “ยางพารา” จะสามารถนำมาสกัด คิดค้น และต่อยอด จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ ที่ใครหลายคนต้องถามหา เอสเซนส์น้ำตบ “อะพาร่า” ที่นำสารสกัดจากน้ำยางพารา มีสรรพคุณที่ช่วยในการดูแลผิวพรรณ จนสามารถไปคว้าเหรียญทองจากประเทศเกาหลีใต้ในงาน “Seoul International Invention Fair 2017” (SIIF 2017)

วุฒิชัย เฉลิมวุฒานนท์ หรือ คุณอู, พรดนัย สมใจมั่น หรือ คุณแฟรงค์
จากความคิดที่อยากสร้างธุรกิจเป็นของตัวเอง ทำให้ พรดนัย สมใจมั่น หรือ คุณแฟรงค์ และร่วมลงทุนกับ วุฒิชัย เฉลิมวุฒานนท์ หรือ คุณอู หลังจากเรียนจบจึงได้ไปค้นพบวิจัยของ รศ.ดร.รพีพรรณ วิทิตสุวรรณกุล อาจารย์ภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่ได้วิจัยเกี่ยวกับ สารสกัดจากยางพารา ช่วยในการบำรุงผิวพรรณได้จริง และ รศ.ดร.รพีพรรณ ได้ทุนสนับสนุนจาก TCELS (ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์) ในการพัฒนาวิจัย เรื่องนี้มากว่า 20 ปี แล้ว

หลังจากที่เรียนจบ และได้ศึกษาวิจัยเรื่องนี้มาสักพักแล้ว จึงติดต่อไปทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ขอนำสารสกัดมาใช้ในการพัฒนาให้เกิดเป็นสินค้า ในแบรนด์ “อะพาร่า” ทางมหาวิทยาลัยก็มีการสนับสนุนองค์กร ทั้งความรู้ในด้านต่างๆ ทั้งด้านของธุรกิจ และในดานของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทางแบรนด์และทางมหาวิทยาลัยได้ร่วมงานด้วยกัน ประมาณ 1 ปี จึงได้ “APARA The First Care Para Activating Essence” หรือที่ทุกคนรู้จักกันดีในชื่อ น้ำตบ สารสกัดจากยางพารา ออกสู่ตลาด และหลังจากที่ผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดแล้ว ทางมหาวิทยาลัย เข้ามาควบคุมในเรื่องของผลิตภัณฑ์ คุณภาพของสารสกัด และช่วยในเรื่องการประกอบการด้วย

ส่วนการดูแลลูกค้าทางผู้บริหาร 'อะพาร่า' เป็นผู้ดูแลเอง โดยเน้นให้ความสำคัญในการดูแลลูกค้ามาก โดยเฉพาะความจริงใจ ควบคู่กับการสร้างภาพลักษณ์ให้ลูกค้าเชื่อมั่นใจตัวของอะพาร่า ให้การบริการที่ดี มีความจริงใจ ไม่โฆษณาสรรพคุณเกินจริง เช่น ในช่องทางของการพูดคุยกับลูกค้า ผ่านช่องทางออนไลน์ ทางแบรนด์จะไม่เน้นขายของมากเกินไปจนทำให้ลูกค้าอึดอัด หรือเกิดความรู้สึกที่ไม่ดี

“เราให้ความสำคัญในเรื่องของการบริการ เวลาที่คุยกับลูกค้าในช่องทางออนไลน์ ต่างๆ เราจะเน้นไปที่การบริการที่ดี เน้นความจริงใจต่อลูกค้า ดังนั้นเวลาที่ขายของ ถ้าดูจากช่องทาง เฟซบุ๊ก เราอาจจะไม่ได้เน้นในการขายของมากเกินไป เราบอกคุณสมบัติผลิตภัณฑ์ของเราเท่าที่มันจะทำได้จริงๆ เพราะถ้าฮาร์ดเซลล์มากเกินไป กลัวว่าแบรนด์จะกลายเป็น เหมือนพวกเครื่องสำอางทั่วไปในอินเทอร์เน็ตที่เราเห็นทุกวันนี้ ที่มันมีอยู่เยอะ คือเราอยากจะให้เราโตไปอย่างช้าๆ ก็ได้ ให้มันมั่นคง มีภาพลักษณ์ที่ดี ลูกค้าชอบในการบริการ”



ในส่วนของช่องทางจำหน่าย ขณะนี้ได้วางจำหน่ายในบริษัททัวร์ ตามจังหวัดที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เพื่อเปิดตลาดสำหรับต่างชาติ และอีกช่องทางคือ ออนไลน์ ทั้งในเฟซบุ๊ก และเว็บไซต์ของอะพาร่า รวมถึงช่องทาง ลาซาด้า (Lazada) อีเลฟเว่น สตรีท (11street) เจาะลูกค้าชาวไทย

สำหรับผลิตภัณฑ์ของอะพาร่า มีจุดเด่นที่เป็นสารสกัดจากยางพารา แต่ด้วยความที่เปลี่ยนยางพารามาเป็นเครื่องสำอาง บางคนที่ได้ยินครั้งแรกก็อาจจะตกใจว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้จะสามารถรักษาผิวหน้าได้จริงหรือไม่ สำหรับคนที่ไม่รู้ทางแบรนด์ก็ต้องทำการให้ความรู้กับทุกคนให้เข้าใจเกี่ยวกับสินค้า เข้าใจในสารสกัดต่างๆ ว่าสรรพคุณคือช่วยรักษาได้จริง ไม่เกิดผลทำให้แพ้ หรือต่างๆ ซึ่งทางอะพาร่าก็มีงานวิจัยที่ช่วยในด้านของความน่าเชื่อถือให้ลูกค้าได้



ขณะที่กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของอะพาร่า ส่วนหนึ่งจะมาจากเพจในเฟซบุ๊ก อายุประมาณ 20–35 ปี มีทั้งนักศึกษา แพทย์ พยาบาล คนที่รับราชการ และบุคคลทั่วไป เป็นลูกค้าหลัก โดยอนาคตทางอะพาร่า จะเพิ่มสินค้าอีกประมาณ 3 – 4 ตัว ซึ่งในเร็วๆ นี้ก็ใกล้จะออกมาให้ลูกค้าได้ทดลองใช้ และจะมีผลิตภัณฑ์ที่วิจัยร่วมกับ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อีก 2 เป็นตัว 2ตัวนี้จะเป็นตัวที่ได้ไปรับรางวัลนวัตกรรม สามารถคว้ารางวัลเหรียญทองจากงาน “Seoul International Invention Fair 2017” (SIIF 2017) ที่ประเทศเกาหลีใต้มาแล้ว แต่ที่ยังไม่ได้ออกสู่ตลาดเพราะว่าในเรื่องของ แพ็คเกจของผลิตภัณฑ์ยังไม่เรียบร้อย หากเรียบร้อยเมื่อไหร่พร้อมออกสู่ตลาดทันที

ส่วนผลิตภัณฑ์อีกชิ้นคือ มาส์กยางพารา สำหรับมาส์กหน้า ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ทางอะพาร่าใช้เวลาวิจัยมาแล้วกว่า 1 ปี เหลืออีกเพียง 4 เดือน จึงจะเสร็จสมบูรณ์เพราะตอนนี้ก็กำลังวิจัยและแก้ไขให้แผ่นมาส์กได้ประสิทธิภาพดีที่สุด และอีกตัวเป็นเซรั่ม

แผนต่อไปของอะพาร่า ในการกระจายสินค้า เตรียมนำผลิตภัณฑ์เข้าไปจำหน่ายตามโมเดิร์นเทรด (Modern Trade) และโฆษณาตามสื่อโทรทัศน์ต่างๆ ซึ่งอยู่ในช่วงเตรียมความพร้อม ส่วนเรื่องของตัวแทนจำหน่าย อยู่ในขั้นสรรหาผู้ที่เหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์เสียหาย

***สนใจติดต่อ 06-4601-2445 หรือ facebook : APARA Thailand
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *



กำลังโหลดความคิดเห็น