xs
xsm
sm
md
lg

“กลุ่มวิจิตรากรุ๊ป” ขยายโครงการอสังหาฯ ยึดภาคตะวันออกรับ EEC หนุนเติบโต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


วิจิตรากรุ๊ป รับอานิสงส์ความชัดเจนการลงทุนอีอีซี หนุนการเติบโตของบริษัท พร้อมขยายโครงการโซนภาคตะวันออก เน้นหนักฉะเชิงเทรา ฐานที่มั่นที่มีสัดส่วนโครงการในพอร์ตถึง 80% พร้อมขยายโครงการใหม่ปีนี้ 5 โครงการ มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ป้อนซัพพลายใหม่ออกสู่ตลาดกว่า 1,000 ยูนิต ผุดทาวน์โฮมแบรนด์น้องใหม่ The Treasure Home ครอบคลุมทุกกลุ่ม ชูบ้านมีคุณภาพ รองรับการเติบโต มั่นใจสิ้นปีดันยอดขายเติบโต 30%

ดร.สืบวงษ์ สุขะมงคล ประธานกรรมการบริหาร วิจิตรากรุ๊ป หนึ่งในผู้นำอสังหาริมทรัพย์ภาคตะวันออก เปิดเผยว่า 3 ปีที่ผ่านมา วิจิตรากรุ๊ป ได้รับอานิสงส์จากนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ซึ่งปีนี้นโยบายดังกล่าวมีความชัดเจน เริ่มเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค และสาธารณูปการ โดยมีการพัฒนามอเตอร์เวย์เพิ่มเติม และมอเตอร์เวย์สายท่าเรือแหลงฉบัง-นครราชสีมา นอกจากทางภาครัฐยังมีการเร่งพัฒนารถไฟความเร็วสูง (กรุงเทพฯ-ชลบุรี-ระยอง) ซึ่งจะมี 5 สถานี ได้แก่ สถานีฉะเชิงเทรา, สถานีชลบุรี, สถานีศรีราชา, สถานีพัทยา และสถานีอู่ตะเภา รวมทั้งมีโครงการรถไฟความเร็วเชื่อม 3 สนามบิน ได้แก่ ดอนเมือง, สุวรรณภูมิ, อู่ตะเภา ซึ่งล้วนแล้วแต่ส่งผลให้เกิดการลงทุน เกิดแหล่งงานใหม่ ๆ เข้ามา และทำให้เกิดการลงทุนนำที่ดินมาพัฒนาโครงการอย่างมาก

ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนดึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน และส่งผลให้เศรษฐกิจภาคตะวันออกมีการเติบโตเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งจะมีการพัฒนาเป็นเมืองใหม่รองรับคนจากกรุงเทพ และพื้นที่ใกล้เคียง จึงมีการเติบโตและการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรม และที่อยู่อาศัย ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 4 นิคม และคาดว่าจะเพิ่มขึ้น ขณะที่ประชากรในจังหวัดมี 7 แสนคน และยังมีประชากรแอบแฝงเกือบเท่าตัว และคาดว่าในระยะ 3 ปีข้างหน้า จะเกิดการไหลเข้ามาของประชากรไม่ต่ำกว่า 2 แสนคน ส่วนในจังหวัดชลบุรี มีประชากร 1.5 ล้านคน มี 19 นิคม ระยอง มี 14 นิคม ซึ่งจะเกิดการเติบโต และส่งผลให้ตลาดรวมอสังหาริมทรัพย์ภาคตะวันออกมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เริ่มมีผู้ประกอบการรายใหญ่ให้ความสนใจ เข้ามาลงทุนและพัฒนาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น ในฐานะเจ้าถิ่นในพื้นที่ มีสัดส่วนโครงการคิดเป็น 80% ของทั้งบริษัท ก็ไม่ได้มีความกังวลแต่อย่างใด ถือว่าผู้ประกอบการรายใหญ่เข้ามา ช่วยให้ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ฉะเชิงเทรามีการเติบโตมากขึ้น ดังนั้น จึงแสดงให้เห็นว่าศักยภาพในพื้นที่ฉะเชิงเทรา เริ่มมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ในเรื่องของการแข่งขัน เชื่อว่าแต่ละค่ายจะมีการโหมแคมเปญโปรโมชัน ส่วนลด ของแถมนั้น ถือว่าเป็นผลประโยชน์ของลูกค้าโดยตรง

ดังนั้น เพื่อรองรับการเติบโตและกำลังซื้อที่จะเกิดขึ้นต่อเนื่อง ทางบริษัทได้กำหนดเป้าหมายเปิด 5 โครงการในปีนี้ จำนวน 1,000 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 3,000 ล้านบาท ได้แก่ 1. มารวยริเวอร์ไซด์เฟส 2 ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางประกง จ.ฉะเชิงเทรา เป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ราคาตั้งแต่ 3.3-4.2 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท 2. มารวยโสธร 4 ตั้งอยู่ใจกลางเมืองฉะเชิงเทรา เป็นบ้านแฝด บ้านเดี่ยว ราคาเริ่มต้น 3.8 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท 3. แบรนด์น้องใหม่ ภายใต้แบรนด์ “The Treasure Home” (เดอะ เทรชเชอร์ โฮม) เป็นทาวน์โฮม ราคาเริ่มต้น 2.45 ล้านบาท (ราคาพรีเซลจะเริ่มที่ 1.98 ล้านบาท) พื้นที่ถนนบางนา-ตราด กม. 34 มูลค่าโครงการ 420 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดตัวไตรมาส 2 นี้ 4. The Treasure Ville อยู่ในพื้นที่เดียวกัน เปิดเป็นบ้านแฝด เริ่มต้น 3.8 ล้านบาท บ้านเดี่ยว เริ่มต้น 4.2-4.5 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 420 ล้านบาท ซึ่งทั้งโครงการที่ 3 และ 4 แบ่งมาพัฒนาโครงการประมาณ 35 ไร่ คงเหลืออีก 65 ไร่ที่รอความชัดเจน และสภาพตลาดอีกครั้ง และ 5. มารวยอ่อนนุช-ลาดกระบัง ทาวน์เฮ้าส์ เริ่มต้น 1.98 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม วิจิตรากรุ๊ป มีความพร้อมที่จะนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยมีแผนที่จะนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2563 ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพของบริษัท โดยที่กลุ่มวิจิตรากรุ๊ป จะได้เปรียบเรื่องเงินลงทุนและแลนด์แบงก์สำหรับปี 2561 บริษัทตั้งเป้ายอดขายโดยจะเติบโตจากปีที่แล้วประมาณ 30% และสามารถรับรู้รายได้ที่ 1,000 ล้านบาท ขณะนี้บริษัทมี Backlog มากกว่า 500 ล้านบาท สามารถรองรับกลุ่มลูกค้า ที่ต้องการเข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่ภาคตะวันออกได้ โดยในปีนี้ตั้งงบลงทุนซื้อที่ดินประมาณ 100 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น