“รองโฆษกกรมศุลฯ” โต้คนโพสต์เฟซบุ๊กวิพากษ์เจ้าหน้าที่เก็บภาษีผู้โดยสารสะพายกระเป๋าแบรนด์เนม ระบุเจ้าของกระเป๋ารับไม่ใช่ของใช้ติดตัวออกนอกประเทศ แจงเป็นกระเป๋าที่แฟนชาวต่างชาติซื้อให้ระหว่างเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศ พร้อมยอมจ่ายภาษีศุลกากรและภาษีมูลค่าเพิ่มรวม 2 หมื่นบาท
นายกรีชา เกิดศรีพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง ในฐานะรองโฆษกกรมศุลกากร เปิดแถลงข่าวชี้แจงกรณีที่มีประเด็นในโซเชียลมีเดียระบุเกี่ยวกับการปฏิบัติพิธีการทางศุลกากรของติดตัวผู้โดยสารที่นำติดตัวเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรพร้อมกับตนทางท่าอากาศยานว่า เรื่องดังกล่าวเกิดจากโพสต์ข้อความจากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่ไม่ได้เกี่ยวกับกับการเดินทางไปต่างประเทศของ น.ส.ตรีทิพย์นิภา อริยวัฒน์ ซึ่งได้กระเป๋าสะพายยี่ห้อชาแนล รุ่น LB BOY ซึ่งมีราคานับแสนบาท ซึ่งแฟนชาวต่างชาติเป็นผู้ซื้อให้ระหว่างเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ เพื่อมอบเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์
รองโฆษกกรมศุลกากร ยังกล่าวว่า เนื่องจากการตรวจสอบราคากระเป๋าดังกล่าวนั้น ถือว่ามีเป็นการนำเข้าของใช้ติดตัวที่เกินกว่า 20,000 บาท จึงไม่เข้าข่ายที่จะได้รับสิทธิการยกเว้นภาษีศุลกากร อีกทั้งการตรวจสอบกระเป๋าเจ้าหน้าที่ยังพบกล่อง และกระดาษห่อกระเป๋าอยู่ด้วย จึงสงสัยว่ากระเป๋าดังกล่าวไม่ได้เป็นของที่นำติตัวออกจากประเทศไทยจริง อย่างไรก็ตาม น.ส.ตรีทิพย์นิภา ผู้เป็นเจ้าของกระเป๋า ยังได้ให้การยอมรับต่อเจ้าหน้าที่ว่าเป็นของที่ซื้อติดตัวเข้ามา และยินยอมที่จะจ่ายตามที่เจ้าหน้าที่เรียกเก็บ
ทั้งนี้ น.ส.ตรีทิพย์นิภา ได้เดินทางกลับจากฮ่องกงถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2561 โดยเที่ยวบินที่ CX 615 เดินออกช่องเขียวทาง EXIT C เวลาประมาณ 11.00 น. เจ้าหน้าที่เรียกตรวจพบว่า ผู้โดยสารมีกระเป๋า CHANEL รุ่น BOY สภาพใหม่ อีกทั้งเจ้าหน้าที่สังเกตเห็นว่ามีซีลพลาสติกใสปิดที่โลโก้ จึงขอเปิดกระเป๋าเดินทางเพื่อตรวจสอบ จากการเปิดตรวจพบเป็นกล่องกระเป๋า CHANEL พร้อมกระดาษห่อกระเป๋าที่ยังอยู่ในสภาพใหม่ด้วย
เจ้าหน้าที่ได้ขอตรวจสอบกระเป๋าถือ และนำเลข HOLOGRAM STICKER และ Authenticity Number หรือหมายเลขของกระเป๋าที่ประทับบนโลโก้ CHANEL ด้านใน และหมายเลขในการ์ดสีดำขอบทอง ซึ่งตัวเลขที่ระบุจะบ่งบอกปีที่ผลิต เมื่อเห็นว่าเป็นรุ่นใหม่ เจ้าหน้าที่ศุลกากรได้สอบถามการได้มาเกี่ยวกับกระเป๋าดังกล่าว ผู้โดยสารแจ้งว่า ไม่ได้เป็นของที่นำตัวออกจากประเทศไทย แต่เป็นของขวัญที่ได้รับจากเพื่อนชายต่างประเทศเนื่องในวันวาเลนไทน์ แต่ไม่มีใบเสร็จรับเงิน
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบราคากระเป๋ารุ่นดังกล่าวก่อนที่จะพบว่ามีราคาขายขายนับแสนบาท เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรจึงได้คำนวณภาษีโดยนำมูลค่ากระเป๋าจริงหักภาษีที่ต้องจ่ายในขณะซื้อในต่างประเทศเพื่อให้เหลือเป็นราคากระเป๋าที่จะใช้เป็นฐานในการ
ประเมินภาษีที่ 77,000 บาท จึงนำมาคิดภาษีนำเข้าที่ที่ 20% ซึ่งติดเป็นเงินที่ต้องจ่ายภาษี 15,400 บาท และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ติดเป็นเงินภาษีที่ต้องจ่ายเพิ่มอีก 4,600 บาท ซึ่งรวมเป็นภาระภาษีทั้งสิ้น 20,000 บาท ซึ่งผู้โดยสารคนดังกล่าวก็ยินยอม และพร้อมจ่ายเงินภาษี
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ยังตรวจพบเสื้อคลุมยี่ห้อ BURBERRY แต่จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเสื้อคลุมที่นำติดตัวออกนอกประเทศ ดังนั้น จึงไม่ต้องเสียภาษี
นายกรีชา ยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า กรณีที่มีคนวิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิว่ามีการเก็บภาษีนำเข้าของใช้ติดตัว คือ กระเป๋าสะพายจากผู้โดยสารขาเข้ารายหนึ่งที่เดินทางกลับจากต่างประเทศทั้งที่ควรได้รับการยกเว้นภาษี จึงนั้นถือเป็นการบิดเบือนข้อมูล เนื่องจากมูลค่าของติดตัวนำเข้าจากต่างประเทศที่จะได้รับการยกเว้นภาษีศุลกากรตามกฎหมายต้องมีมูลค่ารวมกันไม่เกิน 20,000 บาท
ด้านนายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า กรมศุลกากรกำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการขยายการยกเว้นการนำเข้าสินค้าที่มีมูลค่ารวมกันเกิน 20,000 บาทจากปัจจุบันที่กรมศุลกากรยอมยกเว้นภาษีสำหรับการนำเข้าสินค้ามูลค่ารวมกันไม่เกิน 20,000 บาท แต่นายกุลิศย้ำว่าจะพิจารณาอย่างระมัดระวัง เนื่องจากไม่ต้องการให้คนมองว่า กรมศุลกากรไม่สนับสนุนให้คนใช้สินค้าในประเทศ โดยคาดว่าการพิจารณาจะแล้วเสร็จในเร็ว ๆ นี้ และหลังจากนั้น กรมศุลกากรยังจะเปิดทำประชาพิจารณ์เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และผู้มีส่วนได้เสีย
นายกรีชา เกิดศรีพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง ในฐานะรองโฆษกกรมศุลกากร เปิดแถลงข่าวชี้แจงกรณีที่มีประเด็นในโซเชียลมีเดียระบุเกี่ยวกับการปฏิบัติพิธีการทางศุลกากรของติดตัวผู้โดยสารที่นำติดตัวเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรพร้อมกับตนทางท่าอากาศยานว่า เรื่องดังกล่าวเกิดจากโพสต์ข้อความจากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่ไม่ได้เกี่ยวกับกับการเดินทางไปต่างประเทศของ น.ส.ตรีทิพย์นิภา อริยวัฒน์ ซึ่งได้กระเป๋าสะพายยี่ห้อชาแนล รุ่น LB BOY ซึ่งมีราคานับแสนบาท ซึ่งแฟนชาวต่างชาติเป็นผู้ซื้อให้ระหว่างเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ เพื่อมอบเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์
รองโฆษกกรมศุลกากร ยังกล่าวว่า เนื่องจากการตรวจสอบราคากระเป๋าดังกล่าวนั้น ถือว่ามีเป็นการนำเข้าของใช้ติดตัวที่เกินกว่า 20,000 บาท จึงไม่เข้าข่ายที่จะได้รับสิทธิการยกเว้นภาษีศุลกากร อีกทั้งการตรวจสอบกระเป๋าเจ้าหน้าที่ยังพบกล่อง และกระดาษห่อกระเป๋าอยู่ด้วย จึงสงสัยว่ากระเป๋าดังกล่าวไม่ได้เป็นของที่นำติตัวออกจากประเทศไทยจริง อย่างไรก็ตาม น.ส.ตรีทิพย์นิภา ผู้เป็นเจ้าของกระเป๋า ยังได้ให้การยอมรับต่อเจ้าหน้าที่ว่าเป็นของที่ซื้อติดตัวเข้ามา และยินยอมที่จะจ่ายตามที่เจ้าหน้าที่เรียกเก็บ
ทั้งนี้ น.ส.ตรีทิพย์นิภา ได้เดินทางกลับจากฮ่องกงถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2561 โดยเที่ยวบินที่ CX 615 เดินออกช่องเขียวทาง EXIT C เวลาประมาณ 11.00 น. เจ้าหน้าที่เรียกตรวจพบว่า ผู้โดยสารมีกระเป๋า CHANEL รุ่น BOY สภาพใหม่ อีกทั้งเจ้าหน้าที่สังเกตเห็นว่ามีซีลพลาสติกใสปิดที่โลโก้ จึงขอเปิดกระเป๋าเดินทางเพื่อตรวจสอบ จากการเปิดตรวจพบเป็นกล่องกระเป๋า CHANEL พร้อมกระดาษห่อกระเป๋าที่ยังอยู่ในสภาพใหม่ด้วย
เจ้าหน้าที่ได้ขอตรวจสอบกระเป๋าถือ และนำเลข HOLOGRAM STICKER และ Authenticity Number หรือหมายเลขของกระเป๋าที่ประทับบนโลโก้ CHANEL ด้านใน และหมายเลขในการ์ดสีดำขอบทอง ซึ่งตัวเลขที่ระบุจะบ่งบอกปีที่ผลิต เมื่อเห็นว่าเป็นรุ่นใหม่ เจ้าหน้าที่ศุลกากรได้สอบถามการได้มาเกี่ยวกับกระเป๋าดังกล่าว ผู้โดยสารแจ้งว่า ไม่ได้เป็นของที่นำตัวออกจากประเทศไทย แต่เป็นของขวัญที่ได้รับจากเพื่อนชายต่างประเทศเนื่องในวันวาเลนไทน์ แต่ไม่มีใบเสร็จรับเงิน
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบราคากระเป๋ารุ่นดังกล่าวก่อนที่จะพบว่ามีราคาขายขายนับแสนบาท เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรจึงได้คำนวณภาษีโดยนำมูลค่ากระเป๋าจริงหักภาษีที่ต้องจ่ายในขณะซื้อในต่างประเทศเพื่อให้เหลือเป็นราคากระเป๋าที่จะใช้เป็นฐานในการ
ประเมินภาษีที่ 77,000 บาท จึงนำมาคิดภาษีนำเข้าที่ที่ 20% ซึ่งติดเป็นเงินที่ต้องจ่ายภาษี 15,400 บาท และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ติดเป็นเงินภาษีที่ต้องจ่ายเพิ่มอีก 4,600 บาท ซึ่งรวมเป็นภาระภาษีทั้งสิ้น 20,000 บาท ซึ่งผู้โดยสารคนดังกล่าวก็ยินยอม และพร้อมจ่ายเงินภาษี
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ยังตรวจพบเสื้อคลุมยี่ห้อ BURBERRY แต่จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเสื้อคลุมที่นำติดตัวออกนอกประเทศ ดังนั้น จึงไม่ต้องเสียภาษี
นายกรีชา ยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า กรณีที่มีคนวิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิว่ามีการเก็บภาษีนำเข้าของใช้ติดตัว คือ กระเป๋าสะพายจากผู้โดยสารขาเข้ารายหนึ่งที่เดินทางกลับจากต่างประเทศทั้งที่ควรได้รับการยกเว้นภาษี จึงนั้นถือเป็นการบิดเบือนข้อมูล เนื่องจากมูลค่าของติดตัวนำเข้าจากต่างประเทศที่จะได้รับการยกเว้นภาษีศุลกากรตามกฎหมายต้องมีมูลค่ารวมกันไม่เกิน 20,000 บาท
ด้านนายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า กรมศุลกากรกำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการขยายการยกเว้นการนำเข้าสินค้าที่มีมูลค่ารวมกันเกิน 20,000 บาทจากปัจจุบันที่กรมศุลกากรยอมยกเว้นภาษีสำหรับการนำเข้าสินค้ามูลค่ารวมกันไม่เกิน 20,000 บาท แต่นายกุลิศย้ำว่าจะพิจารณาอย่างระมัดระวัง เนื่องจากไม่ต้องการให้คนมองว่า กรมศุลกากรไม่สนับสนุนให้คนใช้สินค้าในประเทศ โดยคาดว่าการพิจารณาจะแล้วเสร็จในเร็ว ๆ นี้ และหลังจากนั้น กรมศุลกากรยังจะเปิดทำประชาพิจารณ์เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และผู้มีส่วนได้เสีย