กรมศุลฯออกโรงแจงประกาศ 2 ฉบับ หลังโลกโซเชียลกระหน่ำ เหตุกังขาในกฎใหม่ ย้ำไม่ใช่ของใหม่ ประกาศนี้ออกตาม พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. 2560 เพื่อใช้แทนกฎหมายเก่าที่้ใช้มาตั้งแต่ปี 2469 สิ้นสภาพ และยึดแนวปฎิบัติยังเหมือนเดิม การออกประกาศไม่ได้บังคับให้ผู้โดยสารต้องแจ้งสิ่งของนำเข้าติดตัวมาในประเทศหรือส่งออกไปนอกประเทศ เพียงต้องการให้เกิดความรวดเร็วในการเดินทางออกจากสนามบินหลังกลับเข้าประเทศ เพราะได้แจ้งรายการสิ่งของต่อเจ้าหน้าที่บันทึกหลักฐานไว้ล่วงหน้า เตรียมแถลงทำความเข้าใจ 8 มี.ค.นี้
นายชัยยุทธ คำคุณ รองอธิบดีกรมศุลกากร กล่าวถึงกรณีเมื่อวันที่ 7 มี.ค. 61 นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร ได้ลงนามในประกาศกรมศุลกากร 2 ฉบับ ได้แก่ ประกาศที่ 59/2561 เรื่อง “หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการปฏิบัติการศุลกากรในการตรวจปล่อยผู้โดยสารและหีบห่อสัมภาระระหว่างสนามบินภายในประเทศ โดยวิธีการ Check Through” ซึ่งใช้ในกรณีที่ผู้โดยสารเปลี่ยนเที่ยวบิน หรือโดยเที่ยวบินเดิม ระหว่างสนามบินในประเทศ เพื่อผ่านเข้ามาในหรือออกนอกราชอาณาจักร และ ประกาศที่ 60/2561 เรื่อง “การปฏิบัติพิธีการศุลกากรของติดตัวผู้โดยสารที่นำติดตัวเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรพร้อมกับตนทางอากาศยาน” ซึ่งใช้ในกรณีสัมภาระผู้โดยสารที่นำเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรพร้อมกับผู้โดยสารให้เป็นไปตามหลักสากลว่า การออกประกาศดังกล่าวนั้นถือเป็นประกาศเดิมที่เคยมีใช้อยู่แล้วตั้งแต่ก่อนหน้านี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารในการแจ้งรายการข้าวของติดตัวออกนอกประเทศ
โดยยกตัวอย่างกรณีที่ผู้โดยสารนั้นจำเป็นต้องนำเครื่องไฟฟ้าออกไปแสดงสินค้าในต่างประเทศ แต่พอนำเครื่องใช้ไฟฟ้าดังกล่าวกลับเข้ามาในประเทศไทยอาจจะถูกเจ้าหน้าศุลกากรสอบถามได้ ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารเกิดความไม่สะดวกสบาย เนื่องจากต้องเสียเวลาในการตอบคำถามกับเจ้าหน้าที่ ดังนั้นการออกประกาศให้ผู้โดยสารต้องแจ้งสัมภาระติดตัวต่อเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้จึงเป็นการช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารเมื่อนำสิ่งของกลับเข้ามาในไทยแล้วก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาตอบคำถามอีกเนื่องเจ้าหน้าที่จะมีเอกสารหลักฐานที่ผู้โดยสารได้แจ้งไว้ก่อนล่วงหน้าก่อนเดินทางออกนอกประเทศแล้ว
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวของกรมศุลกากรมิได้บังคับให้ผู้โดยสารต้องปฎิบัตตัวตาม แต่ให้ถือเป็นดุลพินิจของผู้โดยสารแต่ละรายที่จะพิจารณาดำเนินการด้วยตัวเอง ส่วนกรณีการออกประกาศยกเว้นอากรสินค้าดิวตี้ฟรีที่มีราคารวมกันเกินกว่า 20,000 บาทนั้น เป็นเงื่อนไขตามประกาศเดิมที่กำหนดไว้ตาม พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. 2469 แต่เนื่องจากประเทศไทยได้ประกาศใช้ พ.ร.บ. ศุลกากร ฉบับใหม่เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 60 จึงมีผลให้ประกาศเดิมตาม พ.ร.บ. เก่าสิ้นสภาพลงไปด้วย
ดังนั้น เพื่อให้เงื่อนไขดังกล่าวยังคงมีผลตามกฎหมายใหม่ต่อไป กรมศุลกากรจึงต้องออกประกาศใหม่อีกครั้งโดยเนื้อหาสาระตามประกาศฉบับใหม่ที่ออกนี้ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และการดำเนินการออกประกาศใหม่ทั้ง 2 ก็ไม่มีอะไรที่ซับซ้อนด้วย นอกจากนี้ กรมศุลกากรจะมีการจัดแถลงข่าวเพื่อทำความเข้าใจกับประกาศใหม่ทั้ง 2 ในวันที่ 8 มี.ค. นี้ด้วย