“ซีลิค คอร์พ” คงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ปี 2561 ไว้ไม่น้อยกว่า 10% ปรับกลยุทธ์การขายใหม่เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการอุตสาหกรรมมากขึ้น ปูพรมรุก CLMV และออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ตลอดจนถึงกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ประเมินสัดส่วนขายต่างประเทศจะเปลี่ยนเป็น 45% จากเดิมที่ 40%
นายเอก สุวัฒนพิมพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ซีลิค คอร์พ หรือ SELIC กล่าวว่า บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรายได้ปี 2561 นี้ไว้ที่เติบโตไม่น้อยกว่า 10% โดยพิจารณาจากปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 595 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มการเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้มีการวางแผนที่จะเพิ่มปริมาณการขายในลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรม มากขึ้น และเตรียมที่จะขยายตลาดไปยังต่างประเทศใหม่ ๆ นอกเหนือจากประเทศที่ได้เข้าไปทำตลาดแล้ว โดยเฉพาะประเทศกลุ่ม CLMV ทวีปออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ตลอดจนถึงกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง ซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้การขายในต่างประเทศ ในปีนี้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 45% จากเดิมที่อยู่ 30-40% ส่วนการขายในประเทศยังคงที่ประมาณ 55%
“อัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิปีนี้คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากปีก่อนอยู่ที่ 25.84% และปี 2559 ซึ่งอยู่ที่ 3.17% ซึ่งคาดหวังว่าน่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปี 2559 ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 29.66% และอัตรากำไรสุทธิที่ 6.96% แต่กระนั้น แม้ว่าบริษัทฯ จะได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่กดดันค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าอยู่ แต่ก็ยังไม่ถือว่ามากนัก เนื่องจากบริษัทฯ ได้มีการประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้ไม่ต้องแบกรับต้นทุนอัตราแลกเปลี่ยนที่เข้ามา”
อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ได้วางแผนในการปรับโครงสร้างทีมขายให้มีการกระจายไปยังกลุ่มมเป้าหมายมากขึ้น โดยจะเจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรม จากเดิมที่มีการแบ่งไปตามบริษัท เพื่อรองรับการบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า โดยมุงเน้นถึงการให้บริการด้วยแนวคิด Customer Centric รวมถึงการยกระดับการผลิต เพื่อรองรับการขยายตลาดกลุ่มลุกค้าในประเทศ และกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ และกลุ่มตลาดใหม่ ซึ่งการปรับโครงสร้างทีมขายดังกล่าวจะทำให้การบริการและการบริหารความสัมพันธ์ของลูกค้าได้เหมาะสม และดียิ่งขึ้น
อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีแผนที่จะเพิ่มทีมขายกลุ่มย่อย เพื่อกระจายไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายต่าง ๆ อีกด้วย ซึ่งเดิมมีอยู่ประมาณ 10 คน โดยทีมขายดังกล่าวยังรวมทีมพัฒนาธุรกิจและพัฒนาการตลาด
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในอุตสาหกรรมบรรจุหีบห่อ อาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มรองเท้าและเครื่องหนัง รวมถึงเน้นการเจาะตลาดอุตสาหกรรมอื่น ๆ โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ และกลุ่มก่อสร้าง ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างมั่นคง ส่งผลให้ความต้องการใช้กาวอุตสาหกรรมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในด้านการลงทุนนั้น ในปีนี้บริษัทฯ ได้อนุมัติงบลงทุนไว้ที่ 3-5% ของรายได้รวม โดยจะเน้นลงทุนพัฒนาด้าน Innovation (R&D) เพื่อให้รองรับเทคโนโลยีใหม่ ในการพัฒนาศักยภาพบุคลากรและการเข้าถึงความต้องการของลูกค้ามากขึ้น
ทั้งนี้ มองว่าในส่วนของผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2561 คาดว่าน่าจะดีกว่าไตรมาส 1/2560 เนื่องจากบริษัทฯ ได้รับอานิสงส์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมต่าง ๆ และการสนับสนุนของภาครัฐ ที่ให้มีการส่งออกมากขึ้น อีกทั้งในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับออเดอร์เข้ามาเป็นจำนวนมากหากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า