พีค สตอเรจ (ประเทศไทย) ส่องเศรษฐกิจไทยโตต่อเนื่อง ภาคลอจิสติกส์-คลังสินค้า แนวโน้มขยายตัวดีต่อเนื่อง กางแผนปี 61 รุกทำตลาดใน-นอกประเทศ เล็งเพิ่มสัดส่วนรายได้จาก AEC เป็น 50% เจาะกลุ่มอุตสาหกรรมและคลังสินค้าเต็มสูบ ล่าสุด เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งเคลื่อนย้ายด้วยระบบ Loading Dock Systems รองรับภาคลอจิสติกส์ขยายตัว ตอบโจทย์ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ตั้งเป้ารายได้รวมปี 61 โต 500 ล้านบาท
นางวิภาพร ทนช่างยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีค สตรอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ PEAK ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย พร้อมให้คำปรึกษาและติดตั้งระบบจัดเก็บสินค้า สำหรับโรงงาน คลังสินค้าแบบครบวงจร เปิดเผยว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก การเติบโตทางการค้า การลงทุนทั้งในส่วนของภาคการผลิตเดิม การย้ายฐานการผลิต ด้านอีคอมเมิร์ซ และการกระเตื้องขึ้นของภาคการบริโภค และการลงทุนของภาคเอกชนเข้าสู่ประเทศในภูมิภาคอาเซียน
ขณะเดียวกัน ประเทศไทยยังมีการดำเนินโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economics Corridor) หรือ EEC พัฒนาเมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่บนพื้นที่ภาคตะวันออกภายในระยะเวลา 5 ปี (2560-2564) ที่จะดึงดูดการลงทุนเข้ามาอีกเป็นจำนวนมากในอนาคต ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตดังกล่าวจะส่งผลให้ความต้องการบริการขนส่งเพื่อนำเข้าและส่งออก ตลอดจนการใช้งานพื้นที่คลังสินค้ามีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้ให้บริการด้านลอจิสติกส์ และผู้ประกอบการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานในระบบลอจิสติกส์ หรือคลังสินค้า ได้รับอานิสงส์ไปด้วยเช่นกัน
สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 2561 บริษัทจะเดินหน้ารักษาฐานลูกค้าเดิม และขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยวางแผนขยายฐานลูกค้าในแถบ AEC มากขึ้น อาทิ พม่า, เขมร, และเวียดนาม จากก่อนหน้านี้ ได้เปิดตลาดที่ลาว จนได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จาก AEC เป็น 50% จากเดิมสัดส่วนรายได้มาจากกลุ่ม AEC (มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์ และลาว) อยู่ประมาณ 5% และจะมุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มจากงานบริการเป็นหลัก เพื่อเป็นการสร้างความคุ้มค่าให้กับลูกค้า
นอกจากนี้ บริษัทจะมีการนำเสนอนวัตกรรมใหม่สำหรับงานคลังสินค้า โดยเปิดตัว Loading Dock Systems แท่นวางไฮดรอลิกที่เป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับใช้ในคลังสินค้า และโรงงาน ใช้สำหรับงานขนถ่ายสินค้าจากภาชนะ หรือรถตู้คอนเทนเนอร์ ตอบสนองความต้องการของการทำงานแบบเคลื่อนที่ในพื้นที่การโหลดให้เกิดความคล่องตัว แท่นวางไฮดรอลิกมีความแข็งแรงสูง ปลอดภัย พร้อมปรับระดับความสูงได้ตามต้องการ ซึ่งการเปิดตัวนวัตกรรมดังกล่าว เพื่อรองรับการขยายตัวของระบบลอจิสติกส์ และตอบโจทย์ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต่าง ๆ และผู้ประกอบการด้านลอจิสติกส์ ให้สามารถลดต้นทุน ประหยัดเวลา ลดโอกาสความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นภายในคลังสินค้า ทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในระยะกลาง และระยะยาว
“ในปีนี้เราตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 500 ล้านบาท โดยบริษัทจะเน้นการให้บริการเพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งขยายตลาดไปยังต่างประเทศในแถบ AEC และรับงานโครงการขนาดใหญ่ ด้วยศักยภาพของบริษัท ความชำนาญของบุคลากร และการได้รับการยอมรับจากลูกค้าบริษัทชั้นนำ จึงมั่นใจได้ว่าเป้าหมายในปีนี้จะเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน” นางวิภาพร กล่าว