แสนสิริ มั่นใจเศรษฐกิจไทยปี 61 เติบโตตามข่าวดีปีนี้ ได้เห็นจีดีพีกว่า 4% พร้อมลุยเปิดโครงการคอนโดฯ จับตา 3-4 แบรนด์ใหม่ออกสู่ตลาด ระบุเป้ายอดพรีเซลส์ 30,000 ล้านบาท อานิสงส์โปรเจกต์ร่วมทุนหนุนธุรกิจ
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ (SIRI) ฉายภาพเศรษฐกิจปี 2561 ว่า เราเห็นพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป เนื่องจากน่าจะมีปัจจัยเรื่องความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่มีข่าวดี ๆ หลายข่าว ทั้งเรื่องการเติบโตของตัวเลขจีดีพีปีนี้ จะขยายตัวได้กว่า 4% ซึ่งได้แรงส่งมาจากภาคการส่งออกมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ส่วนภาคการท่องเที่ยว เป็นธุรกิจที่มีอัตราการขยายตัวมาก ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาในไทยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะชาวจีน คาดว่าปีนี้จะสูงขึ้น 20% ส่วนแนวโน้มราคาพืชผลทางการเกษตรก็มีแนวโน้มดีขึ้นด้วยเช่นกัน ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคมีมากขึ้น และสามารถทำให้เศรษฐกิจมีการขับเคลื่อนและเดินหน้าต่อไปได้
สำหรับในปีนี้จะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมอย่างต่อเนื่อง โดยจะเปิด 12 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 33,500 ล้านบาท (ปี 2560 เปิด 8 โครงการ มูลค่าโครงการ 27,000 ล้านบาท คิดเป็น 73% ของโครงการที่เปิดทั้งหมด) แบ่งเป็นในทำเล กทม. 7 โครงการ และทำเลต่างจังหวัด 5 โครงการ ขนาดโครงการประมาณ 4-7 ไร่ ซึ่งมีทั้งแบรนด์ “ดี คอนโด” แบรนด์ “เดอะ เบส” ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่, หาดใหญ่, ภูเก็ต, พัทยา และหัวหิน รวมประมาณ 2,000 ยูนิต โดยในไตรมาสแรกนี้ บริษัทได้เปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการแรก คือ โครงการ “เดอะไลน์ วงศ์สว่าง” (อยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง) ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับบีทีเอส มูลค่า 4,600 ล้านบาท ราคาขายเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท โดยจะเปิดพรีเซลส์ในวันที่ 17-18 มี.ค. นี้ โดยมั่นใจยอดขายยังเป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งกำลังซื้อในโซนนี้กลับมา มีลูกค้าเข้ามาชมโครงการอย่างต่อเนื่อง และในไตรมาส 2 แสนสิริจะเปิดตัวโครงการที่หัวหิน ในชื่อโครงการ “La Casita” (ลา คาสิตา ) หัวหิน ซึ่งวางแผนเปิดตัวการขายในช่วงต้นเดือนเมษายนนี้
นอกจากนี้ โดยบริษัทยังคงรุกสร้างแบรนด์คอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ “เดอะ เบส” โดยปีนี้จะเปิดตัวในรูปแบบใหม่จำนวน 5 โครงการ มูลค่ารวม 13,000 ล้านบาท ในทำเลสุขุมวิท 50, สะพานใหม่, ภูเก็ต, เจริญราษฎร์ และท่าพระ รวมถึงจะเปิดตัวคอนโดฯ ภายใต้แบรนด์ Via (เวีย) และบริษัทมีแผนจะพัฒนาแบรนด์ใหม่ 3-4 แบรนด์ เจาะกลุ่มลูกค้า MILLENNIALA ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องการสินค้าที่มีดีไซน์เฉพาะตัว โดยจะมีการออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ โดยจะมีการเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้
อนึ่ง MILLENNIALA หรือ Gen Me คือ คนที่เกิดปีระหว่าง 1980-2000 ซึ่งจะต่างจาก Gen Y ตรงที่คน Gen Me คือ การแบ่งตามอุปนิสัยมากกว่าอายุ โดย Gen Me นั้น จะมีความเป็นตัวของตัวเองสูง
นายอุทัย กล่าวถึงแผนการขยายตลาดต่างชาติว่า จะเพิ่มความเข้มมากขึ้น โดยบริษัทมีแผนเจาะกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ เช่น เกาหลี, ญี่ปุ่น, จีน, ฮ่องกง, ไต้หวัน และสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ตั้งเป้ามียอดขายจากลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้น 40% จากในปี 2560 ที่ผ่านมา ที่มียอดขาย 9,300 ล้านบาท เป็น 13,000 ล้านบาท เพื่อรองรับแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และเอเชีย
นอกจากนี้ บริษัทยังมีกลยุทธ์ในการเติบโตด้วยการเป็นพันธมิตรกับบริษัทชั้นนำทั้งไทย และต่างประเทศ โดยในกลุ่มโครงการที่อยู่อาศัย จะมีโครงการใหม่จากการร่วมทุนกับบีทีเอส และโตคิว กรุ๊ป อีกประมาณ 4-6 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 12,000-19,000 ล้านบาท รวมไปถึงจะมีแผนเปิดตัวโครงการที่พักอาศัย The standard Residence และ Monocle Residence ส่วนในกลุ่มธุรกิจใหม่ ๆ JustCo เตรียมเปิด 4 สาขา โดยจะเปิด 2 สาขาแรกที่อาคาร เอไอเอ สาทร ในเดือน พ.ค. และอาคาร ออล ซีซั่น เพลส ในเดือน ส.ค. นี้
สำหรับตัวเลขธุรกิจในปีนี้ วางเป้ายอดขายพรีเซลส์โครงการคอนโดฯ ที่ 30,000 ล้านบาท เติบโต 43% ตัวเลขรายได้ 8,000 ล้านบาท และจะยอดโอนจากโครงการร่วมทุน (JV) ประมาณ 17,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนของแสนสิริ จะรับรู้ตัวเลขประมาณ 8,500 ล้านบาท