ผู้จัดการตลาดหุ้นเผย บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย และตลาดหุ้น mai ทำกำไรสุทธิปี 2560 รวมทั้งสิ้น 9.9 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.90% จากปีก่อน เป็นผลจากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) และราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้หมวดพลังงานและสาธารณูปโภคที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น ประกอบกับปัจจัยบวกจากการส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นต่อเนื่อง
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ใน SET จำนวน 566 บริษัท หรือคิดเป็น 97.75% จากทั้งหมด 579 บริษัท (รวมกองทุนอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และบริษัทที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด หรือ NPG) นำส่งผลการดำเนินงาน งวดปี 2560 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 บจ. มีผลประกอบการสูงขึ้นทั้งยอดขาย และกำไรสุทธิ โดยมียอดขายรวม 11.01 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา คิดเป็น 9.72% และมีกำไรสุทธิรวม 9.82 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.05% ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินงานในหมวดพลังงาน และสาธารณูปโภค ที่ได้รับผลดีจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่กำไรสุทธิของหมวดธนาคารปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องจากการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น ด้านผลการดำเนินงานของ บจ. ใน mai กำไรสุทธิ 4.97 พันล้านบาท ทำให้ในงวดปี 2560 กำไรสุทธิรวมของ บจ. SET และ mai ทั้งสิ้น 9.9 แสนล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/2560 จากภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ บจ. มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นทั้งด้านยอดขาย และกำไร โดย บจ. มีกำไรสุทธิ 2.51 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.26% จากไตรมาส 4/2559 และเพิ่มขึ้น 20.47% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2560 ขณะที่ยอดขายไตรมาส 4/2560 อยู่ที่ 2.9 ล้านล้านบาท
ความสามารถด้านการทำกำไรของ บจ. อ่อนตัวเล็กน้อย โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น 23.96% ลดลงจาก 24.71% ในปี 2559 และมีอัตรากำไรสุทธิ 8.92% ลดลงเล็กน้อยจาก 8.98% ขณะที่โครงสร้างเงินทุนของ บจ. ยังคงแข็งแกร่ง โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) ณ สิ้นปี 2560 อยู่ที่ 1.14 เท่า ลดลงจาก 1.24 เท่า ในช่วงสิ้นปี 2559
“ในปี 2560 นอกจาก บจ. ในหมวดพลังงาน และสาธารณูปโภค ที่มีผลประกอบการดีขึ้นแล้ว เศรษฐกิจไทยที่เติบโตอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง โดยทั้งปี 2560 คาดว่าจะขยายตัวที่ 4.0% จากการส่งออกสินค้าและบริการ ขณะที่รายได้จากภาคการท่องเที่ยวเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้ส่งผลบวกต่อการดำเนินธุรกิจของ บจ. ให้มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ หมวดธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ หมวดพาณิชย์ หมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ และหมวดขนส่งและลอจิสติกส์ มีการเติบโตทั้งด้านยอดขาย และกำไรสุทธิ รวมถึงมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นจากปี 2559”
ขณะที่ผลการดำเนินงานของ บจ. ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในปี 2560 บจ. mai มีกำไรสุทธิ 4.97 พันล้านบาท ลดลง 13.54% เมื่อเทียบกับปี 2559 ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 24.80% เป็น 23.20%