ทีโอเอ มั่นใจปี 2561 พร้อมเติบโตอย่างแข็งแกร่ง หลังภาพรวมความต้องการใช้สินค้าเริ่มฟื้นตัวนับตั้งแต่ปลายปีก่อน พร้อมทยอยปรับขึ้นราคาสินค้าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา หนุนขีดความสามารถทำกำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น ประกอบกับการก่อสร้างโรงงานอีก 3 แห่งในภูมิภาคอาเซียนคืบหน้า ส่งผลดีต่อการขยายตลาดต่างประเทศในครึ่งปีหลัง ด้านผู้บริหารระบุผลการดำเนินงานไตรมาส 4/60 มีรายได้จากการขาย 4,260.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.9% จากไตรมาสก่อนหน้า สะท้อนกำลังซื้อที่เริ่มฟื้นตัว
นายพงษ์เชิด จามีกรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA ผู้นำสีทาอาคารในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า บริษัทฯ มั่นใจยอดขายปี 2561 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง โดยจะเร่งเพิ่มยอดขายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์สีทาอาคาร และกลุ่มผลิตภัณฑ์สีและสารเคลือบผิว หลังจากภาพรวมความต้องการใช้สีทาอาคารเริ่มฟื้นตัวนับตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ประกอบกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคในการจับจ่ายใช้สอยที่ปรับตัวดีขึ้น หลังรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อบรรยากาศการซื้อสินค้าที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ ประเมินว่า ภาพรวมยอดขายของไตรมาส 1/61 จะเติบโตได้ตามเป้าหมาย หลังจากบริษัทฯ ได้ตัดสินใจทยอยปรับราคาสินค้าให้สอดคล้องกับต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยราคาใหม่เริ่มมีผลอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคมปีนี้เป็นต้นไป และจะมีผลให้ความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ จะเร่งรุกขยายตลาดต่างประเทศในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ โดยปัจจุบัน TOA อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานผลิตสีอีก 3 แห่งในภูมิภาคอาเซียน ใช้งบลงทุนรวมกว่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้มีกำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 14.5 ล้านแกลลอนต่อปี รวมเป็น 102.5 ล้านแกลลอนต่อปี
“เรามีเป้าหมายทำผลการดำเนินงานในปีนี้ให้เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยมองตลาดสีทาอาคารมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง จึงมองเป็นโอกาสดีของ TOA ที่จะเร่งขยายตลาด โดยใช้ช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ และเครื่องผสมสีอัตโนมัติในการกระจายสินค้าถึงผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด” นายพงษ์เชิด กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 4/60 (ตุลาคม-ธันวาคม 2560) บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 4,260.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.9% จากไตรมาสก่อนหน้าที่มีรายได้จากการขาย 3,739.6 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 466.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.0% จากไตรมาสก่อนหน้านี้ที่มีกำไรสุทธิ 342.7 ล้านบาท โดยปัจจัยการเติบโตมาจากยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์สีทาอาคารในทุกเซกเมนต์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์สีและสารเคลือบผิว ที่เพิ่มขึ้นนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ประกอบกับภาพรวมบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยที่เริ่มฟื้นตัว รวมถึงการเข้าสู่ฤดูการขายของสินค้า ส่งผลให้ร้านค้าผู้แทนจำหน่ายสั่งสินค้าเพิ่มขึ้นเพื่อเก็บสต็อกไว้
อย่างไรก็ตาม สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2560 ถึงแม้ชะลอตัวลงเล็กน้อย โดยมีรายได้จากการขาย 15,717.7 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,703.4 ล้านบาท แต่จากภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้ และบรรยากาศการซื้อสินค้าที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่า ผลการดำเนินงานในปี 2561 จะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งและเติบโตได้ตามเป้าหมาย.