ที.ซี.เจ. เอเชีย งบปี 60 พลิกมีกำไร 32.89 ล้านบาท แถมโชว์รายได้ปี 60 อยู่ที่ 1,475.29 ล้านบาท เติบโต 18.5% จากปี 2559 มีรายได้รวม 1,245.38 ลบ. พร้อมประกาศปันผลเป็นหุ้น 50:1 และเงินสด 0.025 บ. ต่อหุ้น XD 9 พ.ค. 2561 ด้าน “ทัสชน ลีลาประชากุล” ตั้งเป้ารายได้ปี 61 เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ยิ้มรับอานิสงส์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ให้ความเห็นชอบร่าง โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หวังดึงดูดความเชื่อมั่นต่างชาติ
ดร. ทรงวุฒิ ไกรภัสสร์พงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.ซี.เจ. เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ “TCJ” เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2560 (ม.ค.-ธ.ค. 2560) บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไร 32.89 ล้านบาท โดยปีก่อน มีผลขาดทุน 2.20 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2560 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,475.29 ล้านบาท เติบโต 18.5% จากปี 2559 มีรายได้รวม 1,245.38 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา เป็นไปตามที่บริษัทฯ คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้มั่นใจว่า ผลการดำเนินงานในปี 2561 จะมีกาเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามการเติบโตของภาวะเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ โครงสร้างรายได้แบ่งมาจากรายได้จากการขาย, รายได้จากค่าเช่ารถยก และรถบรรทุก, รายได้บริการรับเหมาติดตั้ง และมีรายได้อื่น ๆ โดยส่วนใหญ่เกิดจากการขายทรัพย์สินให้เช่า
สำหรับในปี 2560 รายได้จากการขาย 957.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 256.41 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 36.6% จากการขายสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์โลหะ และการขายเครื่องจักร จากสภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มดีขึ้น ทั้งการลงทุนภาคเอกชน และโครงการก่อสร้างภาครัฐ
ขณะที่รายได้จากค่าเช่ารถยกและรถบรรทุก มียอดรายได้ 408.82 ล้านบาท โดยธุรกิจให้เช่ารถยกและรถบรรทุกของบริษัทที่ใช้สำหรับการก่อสร้าง มีผลกระทบจากโครงการก่อสร้างใหม่ที่ชะลอตัว มีผลต่อการแข่งขันสูง มีผลโดยตรงต่อราคาเช่า ส่งผลให้รายได้ค่าเช่าลดลงเล็กน้อยจากปี 2559 อย่างไรก็ตาม มองว่าในปี 2561 บริษัทฯ คาดรายได้จากค่าเช่ารถยกและรถบรรทุกจะฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากคาดว่าการเช่ารถที่ใช้ในโครงการก่อสร้างพื้นฐานเฉพาะรถไฟฟ้า มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามพื้นที่เข้ารับงานจากผู้รับเหมาที่จะเพิ่มขึ้น ตามความสำเร็จของงานที่มากขึ้น ประกอบกับคาดว่าจะได้รับแรงสนับสนุนจากงานโครงการรถไฟฟ้าช่วงปลายปีจะเข้ามาจำนวนมาก เพราะคาดว่าจะรถไฟฟ้าหลายสถานีจะเริ่มทยอยเสร็จตามมูลค่าความสำเร็จ ดังนั้น จะส่งผลให้ปริมาณงานในสถานีเพิ่มขึ้นจำนวนมากเช่นกัน
ดร. ทรงวุฒิ กล่าวอีกว่า รายได้บริการรับเหมาติดตั้งอยู่ที่ 78.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากรายได้ในปี 2559 มีรายได้ 71.84 ล้านบาท จากการรับเหมาติดตั้งโครงการที่บริษัทเข้าทำสัญญาตั้งแต่ปี 2558-2559 มีการส่งมอบงานเพิ่มขึ้น และโครงการใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีรายได้อื่นอีกจำนวน 30.56 ล้านบาท ใกล้เคียงปีก่อน โดยรายได้ส่วนใหญ่เกิดจากการขายทรัพย์สินให้เช่า เป็นต้น
ดร. ทรงวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการประจำปี 2560 และกำไรสะสม จำนวนรวมไม่เกิน 30,387,678 บาท คิดเป็นการจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.225 บาท โดยการจ่ายเป็นเงินสด และหุ้นปันผลเป็นดังนี้
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.025 บาท สำหรับผู้ถือหุ้นเดิมและผู้ถือหุ้นสามัญที่เกิดจากการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ (TCJ-W2) ในวันที่ 31 มีนาคม 2561 จำนวนรวมไม่เกิน 135,056,301 หุ้น คิดเป็นจำนวนเงินจ่ายปันผลไม่เกิน 3,376,408 บาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ จะจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญของบริษัทจำนวนรวมไม่เกิน 2,701,127 หุ้น (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท) คิดเป็นการจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมและผู้ถือหุ้นสามัญที่เกิดจากการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ (TCJ-W2) ในวันที่ 31 มีนาคม 2561 ในอัตรา 50 หุ้น เดิมต่อ 1 หุ้นปันผลรวมมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 27,011,270 บาท ในกรณีที่หุ้นสามัญที่เกิดจากการจ่ายเงินปันผลคำนวณได้ออกมาเป็นเศษของหุ้นบริษัทจะจ่ายเงินสดให้แทนการจ่ายหุ้นปันผลในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท
ขณะที่บริษัทฯ กำหนดให้ วันที่ 8 พฤษภาคม 2561 เป็นวันให้สิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) โดยขึ้นเครื่องหมายไม่ได้รับสิทธิปันผลท(XD) ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2561 โดยจะรวบรวมโดยวิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 11 พฤษภาคม 2561 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 25 พฤษภาคม 2561
ด้านนายทัสชน ลีลาประชากุล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บมจ. ที.ซี.เจ. เอเซีย (TCJ) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปี 61 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปี 60 ที่มีรายได้รวม 1,475.29 ล้านบาท เติบโต 18.5% จากปี 2559 โดยถือว่าเติบโตตามคาดที่เคยประมาณการณ์ เนื่องจากบริษัทฯ ได้รับปัจจัยหนุนมาจากงานในมือ (Backlog) มูลค่า 600 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้ในระยะเวลา 2-3 ปีต่อจากนี้
นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังคาดว่า รายได้จากการขายสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์โลหะ และการขายเครื่องจักร มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ตามเศรษฐกิจที่เริ่มดีขึ้น และงานโครงการก่อสร้างภาครัฐ ประกอบกับงานเครื่องจักรอุตสาหกรรมหนักประเภทให้เช่ารถขุดในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม, รถไฟฟ้าสายสีชมพู และมอเตอร์เวย์ บางปะอิน-โคราช จะช่วยสนับสนุนงานในปีนี้ รวมถึงยังมีงานตกแต่งสถานีรถไฟฟ้าสนามไชย ที่บริษัทรับดำเนินการอยู่ในช่วงที่ผ่านมา จะทยอยส่งมอบไปถึงกลางปี 61 จะเข้ามาสนับสนุนต่อการเติบโตในระยะยาว
โดยบริษัทฯ คาดจะได้รับอานิสงส์ ภายหลังสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) แล้วอย่างเป็นทางการ โดยคาดจะดึงดูดความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ช่วยให้ทิศทางการลงทุนจากต่างประเทศในพื้นที่ EEC ดีขึ้น และเป็นส่วนเติมเต็มที่สำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนภาคเอกชนในการลงทุนขนาดใหญ่ในระยะยาว