โบรกเผยเมกะโปรเจกต์ภาครัฐ ดันธุรกิจอสังหาฯ 61 สดใส หนุนกำไรโต 10% หรือประมาณ 43,000 ล้านบาท ชี้คอนโดมิเนียมเกาะแนวรถไฟฟ้ายังผุดต่อเนื่อง พีดีเฮ้าส์ เล็งปี 61 ตลาดรับสร้างบ้านกลับมาคึกคัก หลังเห็นสัญญาณความต้องการสร้างบ้านเพิ่ม คาดสิ้นปีมียอดขาย 1,200 ล้านบาท
น.ส. นวลพรรณ น้อยรัชชุกร รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 61 คาดจะเติบโตต่อเนื่อง เพราะได้รับปัจจัยบวกจากการขยายตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงการลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์ของภาครัฐ ทั้งโครงการรถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ มอเตอร์เวย์ และการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่มีความชัดเจนเป็นรูปธรรม ส่งผลให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาที่อยู่อาศัยออกสู่พื้นที่ใหม่มากขึ้น
ขณะเดียวกัน ยังมีการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ตามแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายเส้นทางใหม่ ๆ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เช่น แนวรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และสีชมพู รวมถึงสายสีเขียว และสีน้ำเงิน เป็นต้น ส่งผลให้ผู้ที่ต้องการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยให้ความสนใจเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ คาดการณ์ยอดพรีเซลจะอยู่ที่ 330,000 ล้านบาท เติบโต 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 313,000 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปี 61 จะอยู่ที่ประมาณ 43,000 ล้านบาท โต 10% จากปี 60 ที่คาดว่ากำไรจะอยู่ที่ 39,000 ล้านบาท ภายใต้การประเมินรายได้ขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่ม 6.4% หรืออยู่ที่ 256,000 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันมีโครงการรองรับยอดโอนอยู่ที่ประมาณ 61,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 24% ของเป้าหมายทั้งปี ซึ่งไม่สูงมากนัก และยังคงต้องติดตามสถานการณ์ขายและโอนอย่างใกล้ชิด
นายพิศาล ธรรมวิเศษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในปี 2561 ว่าจากความสนใจ และความต้องการสร้างบ้านหลังใหม่ ของผู้บริโภคในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ส่งผลดีต่อเนื่องมาถึงไตรมาสแรกปี 2561 ทั้งจากโอกาสในการตัดสินใจของผู้บริโภค และมูลค่าตลาดรวมที่ขยายตัว ด้านบรรดาผู้ประกอบการที่แข่งขันอยู่ในธุรกิจรับสร้างบ้านก็เตรียมพร้อมรุกขยายในปีนี้เช่นกัน โดยจะเป็นการแข่งขัน และการสื่อสารกับผู้บริโภคผ่านการสื่อออนไลน์ และโซเชียลมีเดียเป็นสื่อหลัก
อย่างไรก็ตาม ในปี 2561 นี้ บริษัทมีแผนการดำเนินธุรกิจโดยการหันมาให้ความสำคัญกับการสื่อสารกับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น และเน้นคุณภาพ หรือบริการที่แตกต่าง คือ บ้านประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อม ๆ กับในปีนี้บริษัทจะเริ่มกลับมาเปิดสาขาใหม่อีกครั้ง หลังจากชะลอการเปิดสาขาในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยจะเน้นลงทุนเปิดสาขาเองเป็นหลัก นอกจากนี้ จะขอซื้อสิทธิสาขาแฟรนไชส์จากผู้ลงทุนเดิมบางรายคืน เพื่อจะรุกขยายตลาดในจังหวัดที่มีศักยภาพด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายเท่ากับปีก่อนหรือประมาณ 1,200 ล้านบาท
“พีดีเฮ้าส์ เราเน้นการสร้างที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ โดยไม่แข่งขันในด้านราคา ซึ่งเราไม่ต้องการตั้งเป้ายอดขายเพื่อกดดันตัวเองมากนัก เพราะประเมินว่า ปีนี้หลาย ๆ อย่างเพิ่งจะเริ่มฟื้นกลับมาดีขึ้น ทั้งภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ ความเชื่อมั่น และกำลังซื้อผู้บริโภค กอปรกับปีนี้จะให้เวลากับการปรับปรุงการบริหารจัดการภายในองค์กร ทั้งด้านบุคลากร และระบบปฏิบัติงานบนไอทีให้มีความทันสมัย ทั้งนี้ เพื่อสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมีมาตรฐานสม่ำเสมอกัน และสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุค 4.0 ที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว” นายพิศาล กล่าว