แพลนเน็ตคอมมิวนิเคชั่น เอเชีย ลุ้นงบไตรมาส 4 สุดสวยหนุนผลงานปี 60 พลิกเป็นบวก ประชาชนแห่แลกกล่อง Set Top Box ก่อนสิ้นสุดโครงการภายในปีนี้ ด้าน ผู้บริหาร “ประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์” ชูผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ภายใต้แบรนด์ Planet Comm คุณภาพอันดับ 1 ในตลาดกล่องทีวีดิจิทัล มั่นใจช่วงโค้งสุดท้ายรับแลกได้ 7 หมื่นกล่อง สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท หนุนผลงานทั้งปีนี้ พลิกกลับมาเป็นบวก รายได้แตะ 700 ล้านบาท
นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ กรรมการผู้อำนวยการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลนเน็ตคอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANET เปิดเผยว่า มั่นใจว่าแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/2560 จะออกมาเป็นตัวเลขที่ดีที่สุดของปีนี้ โดยจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 3/2560 ที่มีกำไร 3.76 ล้านบาท เนื่องจากโครงการแจกคูปองกล่องรับสัญญาณดิจิทัลทีวี หรือ Set Top Box ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดให้ประชาชนทำการแลกคูปองมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2557 นั้น จะสิ้นสุดลงภายในสิ้นปี 2560 ทำให้ประชาชนเริ่มมีการเร่งทยอยแลกกล่องดิจิทัลทีวีจำนวนมาก ซึ่งส่งผลให้ยอดขายภายใต้แบรนด์ Planet Comm ของบริษัทฯ ในขณะนี้เริ่มมีการเติบโตดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“กล่องรับสัญญาณดิจิทัลทีวี หรือ Set Top Box ภายใต้แบรนด์ Planet Comm ถือว่ามีคุณภาพอันดับ 1 ในตลาดกล่องทีวีดิจิทัล เพราะด้วยคุณภาพทำให้ผลตอบรับจากลูกค้าส่วนใหญ่ที่แลกกล่องไปในช่วงที่ผ่านมา มีความพึงพอใจมาก ทำให้ช่วงก่อนที่จะสิ้นสุดโครงการในสิ้นปีนี้ บริษัทฯ สามารถรับแลกคูปองดิจิทัลทีวีเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้ในปีนี้เติบโตอย่างต่อเนื่อง” นายประพัฒน์ กล่าว
นายประพัฒน์ กล่าวว่า สำหรับโครงการแจกคูปองกล่องรับสัญญาณดิจิทัลทีวี หรือ Set Top Box ในส่วนของบริษัทฯ ดำเนินการรับแลกไปแล้ว จำนวน 65,000 กล่อง และคาดว่ายอดรับแลกในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ก่อนสิ้นสุดโครงการ จะสามารถรับแลกได้ถึง 60,000 กล่อง ซึ่งจะสร้างรายได้ให้บริษัทฯ ไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท และจะส่งผลให้แนวโน้มผลประกอบการในปี 2560 พลิกกลับมาเป็นบวกได้อย่างแน่นอน
ที่ขาดทุนในไตรมาส 1/60 มาจากการกันสำรอง Set Top Box จากนั้นไตรมาส 2 เราก็เริ่มรับแลกกล่องได้ทำให้มีเริ่มกำไร 4 ล้านบาท ไตรมาสที่ 3 กำไร 3.76 ล้านบาท และในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้แนวโน้มรายได้จะเติบโตดีมาก ซึ่งจะส่งผลให้ภาพรวมทั้งปีนี้พลิกกลับมาเป็นบวก และสามารถสร้างรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 700 ล้านบาท โดยขณะนี้บริษัทฯ มีงานในมือ (backlog) มูลค่า 300 ล้านบาท
ขณะที่ทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ต่อไปในหลังจากนี้ก็ยังอยู่ในทิศทางที่ดีมาก ๆ โดยเฉพาะโครงการจัดซื้อระบบและอุปกรณ์สื่อสารของหน่วยงานของรัฐ และเอกชน กำลังจะฟื้นตัว ขณะที่ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์สายสื่อสาร ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก มีแนวโน้มเติบโตที่ดี อีกทั้งเรายังมีแผนเพิ่มสัดสวนรายได้จากต่างประเทศ และลงทุนในโครงการใหม่ ๆ ให้มากขึ้น” นายประพัฒน์ กล่าว