“บล. แอพเพิล เวลธ์” คาด งบ บจ. ไตรมาส 3/60 อ่อนแอ ฉุดหุ้นไทยเดือน พ.ย. ปรับฐาน ประเมินดัชนีฯ แกว่งตัวในกรอบ 1,670-1,730 จุด ลุ้น LTF-RMF ราว 4 หมื่นล้านบาท หนุนภาวะการซื้อขายช่วงปลายปีนี้ แนะเก็บหุ้นแบงก์ BBL, KBABK, SCB และกลุ่มท่องเที่ยว ค้าปลีก เช่น AAV, ERW, MINT, CPALL, ROBINS เข้าพอร์ต
นายอภิชัย เรามานะชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ปิดที่ระดับ 1,721.37 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น +2.88% MoM สถาบันซื้อสุทธิ 5.5 พันล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 7.2 พันล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ซื้อสุทธิ 2.1 พันล้านบาท โดยดัชนีสามารถปรับตัวผ่านระดับแนวต้าน 1,700 จุดได้ จากความชัดเจนในประเด็นการเมืองที่คาดจะสามารถจัดการเลือกใหม่ได้ตามโรดแมปในช่วงปลายปี 2561
อย่างไรก็ตาม หลังจากดัชนีฯ ปรับตัวผ่านแนวต้านบริเวณ 1,700 จุด ขึ้นไปทําจุดสูงสุดในเดือน ต.ค. ที่ 1,729.68 จุด ก็มีแรงขายทํากําไรออกมา โดยจากการประเมินสัญญาณทางเทคนิค สัญญาณ Indicator เช่น RSI เริ่มส่งสัญญาณ Negative Divergence กับดัชนี SET ดังนั้น จึงประเมินการเคลื่อนไหวของดัชนี SET ในเดือน พ.ย. นี้ น่าจะมีลักษณะการแกว่งตัวในกรอบแนวรับ 1,670-1,690 จุด และแนวต้าน 1,730-1,750 จุด คาดเป็นการปรับฐานหลังดัชนีปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างเร็ว
รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวอีกว่า ประเด็นการลงทุนในเดือน พ.ย. ให้ติดตามผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ FOMC เบื้องต้น คาดว่ายังคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1-1.25% ก่อนรอการปรับขึ้นในการประชุมวันที่ 13 ธ.ค. นี้ อีก 0.25% ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาไปที่การเลือกประธานเฟดคนใหม่ที่จะมาแทนนางเจเน็ต เยลเลน ในเดือน ก.พ. ปีหน้า ซึ่งหากเป็นนายเจอโรม พาวเวล (Jerome Powel) น่าจะส่งผลบวกต่อตลาดทุนจากแนวนโยบายการเงินผ่อนปรน ส่วนตลาดน้ำมันให้จับตาการประชุมโอเปก ในวันที่ 30 พ.ย. คาดกลุ่มโอเปก และนอกโอเปก ยังคงหนุนการลดกําลังการผลิตไปจนถึงปลายปีหน้า
สําหรับรายงานผลประกอบการ Q3/60 ของไทย ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินมีโอกาสต่ำกว่าประมาณการ เนื่องจากคาด PTTEP จะบันทึกรายการขาดทุนด้อยค่าสินทรัพย์ในโครงการมารีน่า ออยล์ แซนด์ราว 1.8 หมื่น ลบ. และส่งผลให้ผลประกอบการ PTT ใน Q3/60 ต่ำกว่าคาดการณ์ด้วย ขณะที่ผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์ Q3/60 ขยายตัวเพียง +4.5% (QoQ) แต่ -8.7% (YoY) ทั้งนี้ ประเมิน EPS รวมตลาดปีนี้ลดลงจากเดิม 100.50 บาทต่อหุ้น เหลือ 98.60 บาทต่อหุ้น ส่งผลให้คาดการณ์ Upside ดัชนี SET ปรับลดลงจากเดิม 1,758 จุด เหลือ 1,725 จุด (อิง Forward P/E ปี60 ที่ 17.5 เท่า)
อย่างไรก็ตาม เม็ดเงินลงทุนจากกองทุน LTF & RMF จํานวนราว 4 หมื่น ลบ. (อ้างอิงข้อมูลมอร์นิ่งสตาร์ ประเทศไทย) ยังเป็นปัจจัยบวก ช่วยหนุนภาวการณ์ซื้อขายช่วงปลายปีนี้ กลยุทธ์การลงทุน แนะนําซื้อลงทุนกลุ่มธนาคาร เช่น BBL, KBANK, SCB โดยคาดว่าสินเชื่อปี 2561 ขยายตัว 5-7% กลุ่มท่องเที่ยว และค้าปลีก เช่น ERW, MINT, AAV, CPALL, ROBINS, BJC, TNP จากอานิสงส์รัฐออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย และท่องเที่ยว