xs
xsm
sm
md
lg

ปตท.ประเมินราคาขายปลีกปี 61 ใกล้เคียงปีนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กลุ่ม ปตท.คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบปี 2561 เฉลี่ย 52-57 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับเพิ่มในกรอบแคบๆ รถยนต์ไฟฟ้ายังห่างไกลยังต้องรอการพัฒนา ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันในไทยปีหน้าใกล้เคียงกับปีนี้ คาดการใช้น้ำมันในประเทศปีหน้าโต 1-2%

นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวในการเป็นประธานเปิดงานสัมมนา 2017 The Annual Petroleum Outlook Forum โดยทีมวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันของกลุ่ม ปตท.หรือ PRISM ร่วมกับกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ว่า ทีม PRISM ได้คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบปี 2561 เฉลี่ยอยู่ที่ 52-57 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2560 ที่คาดว่าราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 45-55 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่คาดว่าการใช้น้ำมันทั้งโลกจะอยู่ที่ 1.4-1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นผลจาก 3 ปัจจัย คือ 1. เศรษฐกิจโลกที่คาดว่าปี 61 จะโต 3.7% จากปีนี้ที่โต 3.6%

ปัจจัยที่ 2 คือ เทคโนโลยีที่แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) จะโตก้าวกระโดดแต่ก็มีรถดังกล่าวทั่วโลกเพียง 2 ล้านคัน คิดเป็น 0.1% ของรถทั่วโลกเท่านั้นเพราะยังมีราคาสูงวิ่งได้สั้นจึงยังไม่มีนัยสำคัญในการลดใช้น้ำมัน และ 3. นโยบายสิ่งแวดล้อมที่ยังไม่ชัดเจนในการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก

อย่างไรก็ตาม PRISM ได้ประเมินราคาน้ำมันดิบดูไบปีหน้ามองไว้ 2 กรณี คือ กรณีที่กลุ่มโอเปกต่อมาตรการลดกำลังผลิตไปจนถึง มิ.ย. 61 ราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 50-55 เหรียญต่อบาร์เรล กรณีที่ 2 ลดกำลังผลิตถึง ธ.ค. 61 จะอยู่ที่ 52-57 เหรียญต่อบาร์เรล สาเหตุที่ราคาที่ไม่ได้สูงมากนักเพราะยังคงมีสหรัฐฯ ที่จะยังคงผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดานหรือเชลล์ออยล์ และทำให้คาดว่าการผลิตน้ำมัน (ซัปพลาย) ปี 2561 จะอยู่ที่ 1.7-2 ล้านบาร์เรลต่อวัน

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย ปตท. กล่าวว่า หากราคาน้ำมันดิบดูไบ 50-57 เหรียญต่อบาร์เรลก็ประเมินว่าราคาขายปลีกจะใกล้เคียงกับราคาในปัจจุบันเพราะขณะนี้ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 50 เหรียญต่อบาร์เรล และจากการประเมินจีดีพีปีหน้าจะอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 3% จึงคาดว่าความต้องการใช้น้ำมันในประเทศปี 2561 จะโต 1-2% จากปัจจุบันโต 1.5%

นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบในปี 2561 แม้จะปรับเพิ่มขึ้นยังเป็นไปในกรอบที่แคบๆ เนื่องจากสหรัฐฯ เริ่มกลับมาผลิต Shale Oil เพิ่มขึ้นในขณะนี้แม้ว่าโอเปกจะลดกำลังการผลิตลง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่ต้องติดตาม เช่น การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่จะก้าวไปได้เร็วเพียงใด โดยเฉพาะแบตเตอรี่สำรองในรถไฟฟ้า นโยบายการเมืองที่หลายประเทศอาจมีการเปลี่ยนแปลงจากการเลือกตั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น