บล. แอพเพิล เวลธ์ ชี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยเดือน ก.ย. มีโอกาส ทะยานแตะ 1,650 จุด รับอานิสงส์เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง ส่งสัญญาณฟื้นตัว-การเมืองในประเทศเริ่มนิ่ง เผยเริ่มเห็นสัญญาณต่างชาติดอดเก็บหุ้นเข้าพอร์ตปีก่อนกว่า 7.7 หมื่นล้านบาท แนะทยอยสะสมเข้าพอร์ต กลุ่มแบงก์ BBL, KBANK, SCB, KTB รับเหมาก่อสร้าง ITD, CK, STEC, UNIQ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม AMATA, WHA, TFD กลุ่มท่องเที่ยว และโรงพยาบาล ERW, AAV, BDMS, BH
นายอภิชัย เรามานะชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือน ก.ย. 2560 มีแนวโน้มแกว่งตัวขึ้น จากปัจจัยสนับสนุนเชิงบวกในประเทศเกี่ยวกับการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ หลังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ ปรับคาดการณ์การเติบโตปีนี้สู่ระดับ 3.5-4.0% จากแรงหนุนของการบริโภคเอกชนที่คาดจะขยายตัวที่ 3.2% และการลงทุนภาคเอกชนที่คาดขยายตัว 2.2% รวมถึงภาคการส่งออกคาดที่คาดว่าจะเติบโต 5.7%
นอกจากนี้ ปัจจัยเกี่ยวกับการเมืองยังดำเนินไปตามโรดแมปเลือกตั้งในช่วงปลายปี 2561 และการลงทุนในประเทศนั้น พ.ร.บ. เขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC คาดจะผ่านพิจาณาจากสภาฯ ในช่วงเดือน ก.ย. นี้ ซึ่งจะส่งผลให้ภาคการลงทุนเอกชนเริ่มฟื้นตัวชัดเจนในปีหน้า
ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินจากปัจจัยบวกดังกล่าวจะส่งผลให้นักลงทุนต่างประเทศกลับมาเพิ่ม Risk Premium ต่อตลาดหุ้นไทย หลังจากเม็ดเงินต่างชาติไหลออกราว 3 กว่าแสนล้านบาท ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ และการเมือง ปี 2556-2558 และเริ่มเห็นสัญญาณซื้อสะสมหุ้นไทยช่วงปีที่ผ่านมาราว 7.7 หมื่นล้านบาท
“ประเมินดัชนีฯ เดือน ก.ย. มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปที่ระดับ 1,650 จุด คิดเป็น Forward P/E 16.4 เท่า ซึ่งยังต่ำเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอินโดฯ ที่ 16.9 เท่า และตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ที่ 19.2 เท่า อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังต้องต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FOMC ในวันที่ 19-20 ก.ย. นี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้มีน้อยมาก แต่คงต้องติดตามเฟด จะแถลงเริ่มมาตรการปรับลดงบดุลจำนวน 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือไม่”
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำทยอยซื้อสะสมหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ BBL, KBANK, SCB, KTB คาดสินเชื่อฟื้นตัวในครึ่งปีหลังกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ITD, CK, STEC, UNIQ รับงานประมูลรถไฟทางคู่ 10 สัญญาที่จะดำเนินการใน ก.ย. นี้ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม AMATA, WHA, TFD รับปัจจัยบวกการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC และกลุ่มท่องเที่ยว และโรงพยาบาล ERW, AAV, BDMS, BH รับปัจจัยบวกมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว และธุรกิจ Medical Wellness Center