xs
xsm
sm
md
lg

บล. โกลเบล็ก จับตาสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลี ให้กรอบ ดัชนี 1,610-1,630 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บล. โกลเบล็ก จับตาสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลี หลังเกาหลีเหนือทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ระเบิดไฮโดรเจนที่มีอำนาจทำลายล้างสูง ส่วนปัจจัยทางเศรษฐกิจคาดเฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ยยาวถึงกลางปีหน้า จากการเร่งผลักดันมาตรการปฏิรูปภาษีให้มีผลในปีนี้ มองดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,610-1,630 จุด กลยุทธ์การลงทุนแนะสะสมหุ้น PTTGC-IRPC อานิสงส์ค่าการกลั่นพุ่งสู่ระดับ 10-11 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ด้านราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อ จากความกังวลสถานการณ์เกาหลีเหนือ กับสหรัฐฯ มองการแกว่งตัวทองคำในกรอบ 1,310-1,365 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์

น.ส. วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า ปัจจัยหนุนตลาดหุ้นไทยมาจากการส่งสัญญาณการผลักดันมาตรการปฏิรูปภาษีให้มีผลภายในสิ้นปีนี้ของสหรัฐฯ บวกกับตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง จึงคาดว่า เฟดน่าจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ประกอบกับการประมูลโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐในประเทศที่เร่งตัวขึ้นในช่วงปลายปี และกระแส Fund Flow ต่างชาติพลิกเป็น Net Buy ตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย. ราว 1 พันล้านบาท

สำหรับปัจจัยที่มีผลลบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในระยะนี้มาจากความกังวลสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีหลังเกาหลีเหนือทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ระเบิดไฮโดรเจนที่มีการทำลายล้างสูง ขณะที่สหรัฐฯ ได้เตือนเกาหลีเหนือ หากทำการใดที่เป็นการคุกคามสหรัฐฯ และพันธมิตรของสหรัฐฯ จะต้องเผชิญกับการตอบโต้ทางทหารครั้งใหญ่ ส่วนปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ เดือน ก.ย. รัฐบาลจะนำเสนอร่าง พ.ร.บ. อีอีซี ต่อ สนช. ส่วนในวันที่ 7 ก.ย. ECB ประชุมนโยบายการเงิน และในวันที่ 19-20 ก.ย. ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (Fed)

ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ถูกแรงกดดันจากความกังวลสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลี หลังเกาหลีเหนือทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกจากสหรัฐฯ ส่งสัญญาณผลักดันมาตรการปฏิรูปภาษี รวมถึงเศรษฐกิจในประเทศที่มีสัญญาณฟื้นตัวตามการส่งออก และการประมูลโครงการใหญ่ภาครัฐจะเป็นแรงหนุนต่อดัชนี

ดังนั้น ประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,610-1,630 จุด ทั้งนี้ แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในการซื้อสะสมหุ้นในกลุ่มโรงกลั่น ได้แก่ PTTGC และ IRPC เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของค่าการกลั่นสู่ระดับ 10-11 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์การลงทุน บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้น 33.84 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ หรือเพิ่มขึ้น 2.6% สู่ระดับ 1,324 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากตลาดให้ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นถึงกว่า 65% ว่า Fed จะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยจนถึงต้นปีหน้า และส่วนใหญ่ให้น้ำหนักว่า Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยต่อจนถึงกลางปีหน้า สอดคล้องกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อ่อนแอลงทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นเพียง 156,000 ตำแหน่งในเดือน ส.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 180,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.1% สู่ 4.4% % และการใช้จ่ายภาคการก่อสร้างของสหรัฐฯ ดิ่งลง 0.6% ต่ำสุดในรอบ 9 เดือน

นอกจากนี้ ทองคำได้รับความสนใจในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยหลังเกาหลีเหนือทดลองยิงขีปนาวุธข้ามญี่ปุ่นไปตกในมหาสมุทรแปซิฟิกตั้งแต่สัปดาห์ก่อน อีกทั้งมีการทดลองผลิตระเบิดไฮโดรเจน เพื่อบรรจุในขีปนาวุธข้ามทวีป อย่างไรก็ตาม ตลาดคาดว่า Fed จะปรับลดงบดุลในการประชุมวันที่ 19-20 ก.ย. นี้ทำให้ทำให้เงินทุนเริ่มไหลกลับเข้าหาสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และพันธบัตรเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์นี้ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ 1,310-1,365 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำยังได้รับความสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจากความกังวลเกี่ยวกับการทดลองขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ แต่ให้ระวังแรงขายทำกำไรเมื่อราคาปรับตัวขึ้นใกล้แนวต้าน 1,355-1,365 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ เนื่องจากราคาทองคำปรับตัวขึ้น 7.7% QTD และในสัปดาห์นี้จะมีการประกาศดัชนีภาคบริการสหรัฐฯ (คาดขยายตัวต่อซึ่งเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำ) และการประชุมธนาคารกลางยุโรป (คาดคงมาตรการ QE จนกว่าจะถึงเดือน ต.ค. 60 ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำ)
กำลังโหลดความคิดเห็น