บล. โกลเบล็ก มองหุ้นไทยได้จับตาแผนการลงทุนระยะ 8 ปี (2561-2568) ของ รฟท. รองรับเส้นทางรถไฟทางคู่รวม 16 เส้นทาง บวกแรงเก็งกำไรประกาศงบไตรมาส 2/60 หนุนกรอบดัชนีแกว่งตัวที่ 1,560-1,590 จุด แนะสะสมหุ้นที่คาดว่างบไตรมาส 2/2560 เติบโต ชู BANPU-SYNEX-HARN-WICE-LIT-MGT ด้านแนวโน้มราคาทองคำเน้นเก็งกำไร หากไม่ลงต่ำกว่าช่วง 1,240-1,250 ดอลลาร์สหรัฐ
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ สามารถชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีทิศทางฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้น จากการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 209,000 ตำแหน่ง มากกว่าคาด ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.3% จาก 4.4% ในเดือน มิ.ย. บ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อไม่มีแนวโน้มพุ่งขึ้นมากจากดัชนีราคาการใช้จ่าย เพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานอยู่ที่ 1.5% ยังห่างไกลเป้าหมายเฟด ที่ระดับ 2%
นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยหนุนภายในประเทศจากการลงทุนโครงการขนาดใหญ่โดยภาครัฐอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เตรียมแผนการลงทุนระยะ 8 ปี (2561-2568) เพื่อรองรับเส้นทางรถไฟทางคู่รวม 16 เส้นทาง ระยะทางรวม 3,169 กม. รวมถึงแรงซื้อเก็งกำไรดักงบไตรมาส 2/2560 ที่ทยอยประกาศ และ กกพ. ประกาศรับซื้อไฟฟ้า “SPP Hybrid Firm” ตั้งเป้าหมายรวม 300 เมกะวัตต์ กำหนด FiT ที่ 3.66 บาทต่อหน่วย เปิดทางกลุ่มผู้ผลิตจัดทัพรูปแบบไฟฟ้าเอง พร้อมแจ้งรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติ 9 พ.ย. นี้
ส่วนปัจจัยที่มีผลลบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในระยะนี้มาจาก Fund Flow ต่างชาติในเดือน ส.ค. ที่เป็น Net Sell ต่อเนื่องราว 6 พันล้านบาท ทำให้ Fund Flow ต่างชาติตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน พลิกเป็น Net Sell ราว 23 ล้านบาท และความกังวลปัญหา NPL ที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มธนาคาร จากภาวะน้ำท่วมในหลายจังหวัดภาคเหนือ และอีสาน นอกจากนี้ ยังคงต้องจับตาในวันที่ 10 ส.ค. เคาะราคาประมูลรถไฟทางคู่ สายนครปฐม-หัวหิน ภายในวันที่ 15 ส.ค. บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทยอยประกาศงบการเงินงวดไตรมาส 2/2560 และในวันที่ 16 ส.ค. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
ด้าน นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้มีปัจจัยบวก/ลบคละเคล้า โดยแรงซื้อดักงบไตรมาส 2/2560 ที่ทยอยประกาศจนถึงกลางเดือน ส.ค. จะเป็นแรงหนุน อย่างไรก็ตาม Fund Flow ต่างชาติที่เป็น Net Sell ต่อเนื่อง รวมถึงความกังวล NPL กลุ่มธนาคาร ที่เพิ่มขึ้น จะเป็นแรงกดดันต่อภาวะตลาด ดังนั้น ประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,560-1,590 จุด
ทั้งนี้ แนะนำซื้อสะสมในกลุ่มหุ้นที่คาดว่า งบไตรมาส 2/2560 จะเติบโต ได้แก่ BANPU, SYNEX, HARN, WICE, LIT และ MGT
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์การลงทุน บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า กองทุน SPDR รายงานยอดการถือครองทองคำ ยังคงไม่มีการซื้อสุทธินับตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย. โดยลดจาก 853.68 ตัน ลงมาสู่ระดับ 786.87 ตัน ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนการสะสมของกลุ่มนักเก็งกำไรในตลาดอนุพันธ์ทองคำนั้น แม้มียอดซื้อสุทธิสูงขึ้น 2 สัปดาห์ติดต่อกัน แต่ภาพรวมยังอยู่ในทิศทางขาลง จึงทำให้ราคาทองคำมีแนวโน้มแกว่งตัวผันผวน
ส่วนการรีบาวนด์ของดัชนีสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ กดให้ราคาทองคำอ่อนตัวลง โดยมีโอกาสที่การรีบาวนด์สั้น ๆ ของราคาทองคำโลกอาจเกิดขึ้นได้ตามความผันผวนของเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่ภาวะ safe haven ในเงินบาทยังคงเป็นปัจจัยลบสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำในประเทศคงทิศทางขาลงต่อไป
สำหรับปัจจัยทางเทคนิค มองว่า การย่อลงของราคาทองคำถึงระดับที่ควรรีบาวนด์ตามสัญญาณระยะสั้น แต่แนวโน้มอยู่ในลักษณะอ่อนตัวต่อเนื่อง จึงยังคงต้องจับตาช่วงแนวรับสำคัญ 1,240-1,250 ดอลลาร์สหรัฐ ว่าจะหนุนทิศทางหลักได้หรือไม่ จึงปรับคำแนะนำมาเป็น “เก็งกำไรในกรอบ โดยเน้น trading long หากไม่ลงต่ำกว่าช่วง 1,240-1,250 ดอลลาร์สหรัฐ และปิดทำกำไรเร็วเพื่อลดความเสี่ยงของค่าเงินบาท”
ทั้งนี้ นักลงทุนควรติดตามปัจจัยในรอบสัปดาห์ที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำโลก ได้แก่ ดัชนีชี้วัดอัตราเงินเฟ้อ ถ้อยแถลง และความเห็นของประธาน Fed แต่ละสาขา ส่วนสัปดาห์หน้าติดตามดัชนีภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในภาคการผลิตที่จะทยอยประกาศออกมา รวมถึงบันทึกการประชุม FOMC ครั้งล่าสุด