บล. โกลเบล็ก เผยหุ้นไทย จับตาการทำ Window Dressing หนุนกรอบดัชนี 1,560-1,600 จุด แนะเก็งกำไรหุ้นกลุ่มรับเหมา ชู CK และ SYNTEC ได้อานิสงส์จากการเร่งลงทุนโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐ ส่วนราคาทองคำยังคงผันผวนต่อเนื่องจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก แนะเล่นสั้นเก็งกำไร ตามกรอบ 1,230-1,260 ดอลลาร์สหรัฐ
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยได้ปัจจัยหนุนจากช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ คาดว่ามีการทำ Window Dressing ก่อนปิดงวดไตรมาสที่ 2/2560 และยูโรกรุ๊ป อนุมัติการเบิกจ่ายเงินกู้งวดใหม่ให้กับกรีซ ในวงเงิน 8.5 พันล้านยูโร หรือประมาณ 9.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้กรีซนำไปชำระหนี้ที่ใกล้ครบกำหนดชำระที่จะถึงนี้
รวมทั้งการจัดงาน “Thailand’s Big Strategic Move” โดยตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 22-23 มิ.ย. นี้ เพื่อเสนอแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในอนาคต เรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบัน และมุมมองของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ที่คาดว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก โดยได้แรงหนุนจากการส่งออก และการลงทุนภาครัฐช่วยผลักดัน GDP ทั้งปีให้เติบโต 3.4-3.5% แม้ตลาดหุ้นไทยยังคงมีปัจจัยกดดันมาจากราคาน้ำมันอ่อนตัวลงจากความกังวลภาวะอุปทานล้นตลาดหลังลิเบีย และไนจีเรีย ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น และ Fund Flow ต่างชาติผันผวนจาก Fed จะเริ่มปรับลดงบดุลมูลค่า 4.5 ล้านล้านดอลาร์สหรัฐ ในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 21 มิ.ย. ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุม วันที่ 23 มิ.ย. อียู และสหรัฐฯ จะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นเดือน มิ.ย. ส่วนญี่ปุ่นจะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือน เม.ย. และในวันที่ 26 มิ.ย. กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า และการจับฉลาก Solar Farm สหกรณ์ 119 เมกะวัตต์ และราชการ 100 เมกะวัตต์
ด้าน นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ คาดว่าจะมีแรงหนุนจากการเร่งลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการทำ Window Dressing ในช่วงปลายเดือน มิ.ย. อย่างไรก็ตาม Fund Flow ต่างชาติที่ผันผวนยังคงเป็นแรงกดดันต่อทิศทางดัชนี ดังนั้น ประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,560-1,600 จุด
ทั้งนี้ แนะนำการลงทุนแบบ Selective Buy ในกลุ่มรับเหมา แนะนำ CK และ SYNTEC ที่ได้ประโยชน์จากการเร่งลงทุนโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐ และกลุ่มพลังงานทดแทน ที่จะมีการจับฉลาก Solar farm หน่วยราชการเฟส 2 ในวันที่ 26 มิ.ย. แนะนำ ETE ซึ่งสอบผ่านคุณสมบัติรอบแรกในการเข้าร่วมในโครงการนี้ 40 เมกะวัตต์ คาดกำไรปี 60 ราว 61 ล้านบาท เติบโต 97% YoY โดยยังไม่ได้รวมโซลาร์สหกรณ์ เฟส 2
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์การลงทุน บล. โกลเบล็ก เปิดเผยว่า Fed ได้มีการขึ้นดอกเบี้ยตามคาด พร้อมระบุชัดเจนถึงแผนการปรับลดงบดุลที่คาดว่า จะเริ่มได้ในครึ่งปีหลัง โดยมีเงื่อนไขว่า สภาพเศรษฐกิจต้องเอื้ออำนวย ซึ่งความไม่แน่นอนของการใช้นโยบายกระตุ้นจากรัฐบาลทรัมป์ สร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้ตลาดประเมินว่า จุดเริ่มต้นกระบวนการปรับลดงบดุลอาจล่าช้าออกไป และการลดลงอย่างช้า ๆ แบบค่อยเป็นค่อยไปนี้ อาจไม่ทันการกับปริมาณตราสารหนี้ที่ Fed ถือครองไว้เป็นจำนวนมหาศาล
อย่างไรก็ตาม ส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงไร้ทิศทางที่ชัดเจน แม้ว่าความเสี่ยงกำลังกลับไปอยู่ทางยุโรปที่มีการก่อวินาศกรรม และความไม่แน่นอนทางการเมืองมากขึ้น แต่สินทรัพย์เสี่ยง และกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่มีแนวโน้มจะเป็นบวกจากเงินทุนไหลเข้าต่อไป เนื่องจาก BOJ แสดงความกังวลต่อการขยายตัวญี่ปุ่นที่ยังไม่แข็งแกร่งอย่างยั่งยืน จึงคงมาตรการกระตุ้นตลาดผ่าน QE
ทั้งนี้ ตลาดทองคำได้ซึมซับปัจจัยดังกล่าวไปแล้ว และการดิ่งลงมากว่า 50 ดอลลาร์สหรัฐ โดยไม่มีปัจจัยลบมากดดันต่อ ทำให้มีโอกาสจะกลับตัวชั่วคราวจากการ cover short จึงแนะนำให้พอร์ตเล่นสั้นเก็งกำไรฝั่ง long เพื่อเล่นรอบรีบาวนด์สั้น ๆ ส่วนพอร์ตเล่นรอบควรดัก short เมื่อราคาดีดตัวขึ้นแรง ซึ่งจะเป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้ถือสถานะ long ควรลดพอร์ต เนื่องจากทิศทางราคาเปลี่ยนเป็นขาลงแล้ว โดยมีกรอบแนวรับและแนวต้านอยู่ที่ 1,230-1,260 ดอลลาร์สหรัฐ