เกือบ 6 เดือนเต็มแล้วที่หุ้นบริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น GL ถูกถล่ม จนโงหัวไม่ขึ้น หลังจากมีข่าวลือ เงินจำนวน 3,432 ล้านบาทที่ปล่อยให้ลูกค้าในเกาะไซปรัสและในสิงคโปร์เกิดความเสียหาย ล่าสุดถูกข่าวลบที่กระทบราคาหุ้นกระหน่ำเข้ามาอีก
บริษัท เอ.พี.เอฟ. โฮลดิงส์ จำกัด หนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของ “กรุ๊ปลีส” ถูกสำนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดี ประกาศขายทอดตลาดหุ้น GL ที่ถืออยู่ จำนวน 13,395,771 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 0.87% ของทุนจดทะเบียนกรุ๊ปลีส
ไม่มีรายละเอียดว่า บริษัท เอ.พี.เอฟ. โฮลดิ้งส์ถูกฟ้องทางแพ่งด้วยเหตุอันใด แต่คดีคงถูกตัดสินไปแล้ว ทำให้หุ้น GL ในความครองครองของบริษัท เอ.พี.เอฟ.จำนวน 0.87% ถูกยึด และเตรียมนำออกขายทอดตลาด
ข่าวผู้ถือหุ้นใหญ่ GL ถูกยึดหุ้นนำขายทอดตลาดครั้งนี้ ทำให้ผู้บริหารบริษัท กรุ๊ปลีสฯนั่งไม่ติด ร่อนคำชี้แจงด่วนทันที
ระบุว่า คดีของบริษัท เอ.พี.เอฟ.โฮลดิ้งส์ จำกัด ไม่มีผลกระทบใดเกี่ยวพันกับบริษัท โดยเอ.พี.เอฟ.ฯเป็นเพียง 1 ในผู้ถือหุ้นใหญ่ และถือหุ้นGLจำนวนทั้งสิ้น 158,911,191 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 10.42% ของทุนจดทะเบียน
แต่คำชี้แจงของผู้บริหารกรุ๊ปลีส ไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนได้ หุ้นGLถูกเทขายต่อ โดยเมื่อวันพฤหัสที่ 24 สิงหาคม หรือวันที่มีข่าวบริษัท เอ.พี.เอฟ.ถูกยึดหุ้นขายทอดตลาด ราคาหุ้นปิดที่ 18.40 บาท ลดลง 0.20 บาท
คดีขายทอดตลาดหุ้นที่ยึดจากบริษัท เอ.พี.เอฟ.ฯ อาจไม่กระทบต่อการดำเนินงานบริษัท กรุ๊ปลีสโดยตรง แต่ส่งผลกระทบผลกระทบในเชิงจิตวิทยาต่อการลงทุน
เพราะเอ.พี.เอฟ.ฯถือหุ้นใหญ่โดยกลุ่มโคโนชิตะ และกลุ่มโคโนชิตะก็ถือหุ้นใหญ่และเป็นผู้บริหารสูงสุดของกรุ๊ปลีส
กลุ่มโคโนชิตะ เคยถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ญี่ปุ่นกล่าวโทษ โดยการปล่อยข่าว เพื่อปั่นหุ้น WEDGE HOLDings และถูกสั่งปรับเป็นเงิน 4 พันล้านเยน
การบริหารงานในกรุ๊ปลีสของกลุ่มโคโนชิตะก็มีข้อสงสัยในบางธุรกิจ โดยเฉพาะการปล่อยกู้ลูกค้าในเกาะไซปรัสและสิงคโปร์ ซึ่งจุดชนวนการถล่มขายหุ้น GL จนราคารูดลงอย่างหนัก จากที่เคยยืนในระดับ 60บาท ทรุดลงมาต่ำกว่า 20 บาท
และแม้นายทัตซึยะ โคโนชิตะ กรรมการบริษัทกรุ๊ปลีส จะออกมาชี้แจงเรื่องการปล่อยเงินกู้ลูกค้าในต่างประเทศหลายรอบ แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการขายหุ้น GL ได้
หุ้น GL จมดิ่งลงสู่ระดับก้นเหวแล้ว แต่ข่าวการยึดและนำขายทอดตลาดหุ้นที่เอ.พี.เอฟฯถืออยู่ เป็นข่าวร้ายซ้ำเติมหุ้นตัวนี้ และจำนวน13.39 ล้านหุ้นที่จะนำออกขายทอดตลาด ในที่สุดจะถูกนำมาขายในตลาด กดดันราคาหุ้นอีก
ความจริง GL ยังมีผลดำเนินงานที่ดี รักษาระดับการเติบโตของกำไรได้ต่อเนื่อง โดยงวด 6 เดือนแรกปีนี้มีกำไรสุทธิ 665.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 478.64 ล้านบาท ทำให้ค่าพี/อี เรโชเหลือประมาณ 22 เท่า
แต่ข่าวร้ายที่ทยอยมาไม่ขาดสาย ได้กลบปัจจัยพื้นฐานที่ดีของหุ้นตัวนี้ และทำให้นักลงทุนเกิดหวั่นไหว ไม่แน่ใจในอนาคต จึงทยอยขายหุ้นออก
ผู้ถือหุ้นรายย่อย GL มีจำนวนทั้งสิ้น 17,557 ราย ถือหุ้นรวมกันสัดส่วน 43% ของทุนจดทะเบียน โดยกลุ่มโคโนะชิตะถือหุ้นใหญ่
แต่ GL มีแต่ข่าวร้ายๆ ผู้ถือหุ้นใหญ่และฝ่ายบริหารมีพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจ ผู้ถือหุ้นรายย่อยจึงรู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะทิ้งเงินไปกับหุ้นตัวนี้
หุ้นปัจจัยพื้นฐานดี แต่ผู้ถือหุ้นใหญ่หรือฝ่ายบริหาร มีพฤติการณ์ที่ไม่น่าเชื่อถือ จ หุ้นดีๆ อาจกลายเป็นหุ้นร้าย สร้างความเสียหายให้นักลงทุนได้เหมือนกัน
และ GL เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของหุ้นดีที่นักลงทุนต้องขายทิ้ง
