การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นบริษัท อุตสาหกรรม อิเล็กทรอนิกส์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น EIC เพื่อลงมติซื้อหุ้นบริษัท ส.ธนา มีเดีย จำกัดและการเพิ่มทุนครั้งมโหฬาร เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา ต้องล้มไม่เป็นท่า เพราะมีผู้ถือหุ้นเข้าร่วมประชุมเพียง15% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด จึงไม่ครบองค์ประชุม
ฝ่ายบริหารบริษัทฯนัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งใหม่ วันที่ 8 สิงหาคมนี้ และการประชุมครั้งใหม่ ไม่มีข้อจำกัดด้านจำนวนผู้ถือหุ้นหรือองค์ประชุมแล้ว แต่การลงมติในวาระสำคัญยังต้องใช้เสียง3ใน 4 ของจำนวนผู้ถือหุ้นที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด
วาระสำคัญของการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น EIC ครั้งนี้มีเพียง 2 วาระคือ การซื้อหุ้นบริษัทส.ธนา มีเดีย จำกัด วงเงิน372 ล้านบาท และการเพิ่มทุนจำนวน 5,363.69 ล้านหุ้น
ถ้าเพิ่มทุนสำเร็จ คณะกรรมการบริษัท EIC จะมีเงินซื้อหุ้นบริษัท ส.ธนา มีเดียและมีเงินที่จะบริหารงานอย่างสบายๆ ไปอีกพักใหญ่
แต่ผู้ถือหุ้นรายย่อยต้องลุ้นกันต่อไปว่า เงินที่ใส่เพิ่มทุนเข้าไป จะมีผลตอบแทนงอกเงยหรือไม่ เพราะหลายครั้งแล้วที่ใส่เงินเพิ่มทุน แต่ฝ่ายบริหารบริษัทฯไม่เคยสร้างผลตอบแทนคืนกลับผู้ถือหุ้น
ปี 2558 และปี 2559 EIC เคยเพิ่มทุนมาแล้ว นำเงินไปขยายการลงทุนและซื้อทรัพย์สิน แต่ปรากฏว่า ผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่อง การเพิ่มทุนครั้งล่าสุด จึงมีคำถามว่า ผู้ถือหุ้นรายย่อยยังจะกล้าใส่เงินอีกหรือไม่
แผนการสูบเงินเพื่อซื้อทรัพย์สินหรือซื้อหุ้นบริษัทส.ธนา มีเดียนั้น บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระท้วงติงมาแล้วว่า ราคาไม่สมเหตุสมผล และมีความเสี่ยงจากการดำเนินธุรกิจ แต่ฝ่ายบริหารบริษัทฯยืนกรานที่จะต้องซื้อส.ธนาฯ ให้ได้
EIC มีแต่ผู้ถือหุ้นรายย่อย จำนวนทั้งสิ้น 3,115 ราย ถือหุ้นรวมกันกว่า 99% ของทุนจดทะเบียน โดยไม่มีผู้ถือหุ่นใหญ่ เหมือนอีกหลายบริษัทจดทะเบียนที่มีพฤติกรรมคล้ายกัน โดยมักจะเพิ่มทุนถี่ เมื่อระดมทุนได้ จะนำเงินไปซื้อทรัพย์สิน ตามด้วยผลประกอบการที่ขาดทุนต่อเนื่อง
ความเสียหายจากเงินลงทุน ความเสียหายจากการซื้อทรัพย์สิน หรือความเสียหายจากความผิดพลาดล้มเหลวในการบริหาร จนกิจการขาดทุน หรือล้มละลาย จนต้องฟื้นฟูกิจการ คณะกรรมการบริษัทฯไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ
นักลงทุนหลายหมื่นหลายแสนรายทีตกเป็นเหยื่อของบริษัทจดทะเบียนเหล่านี้ ต้องกลายเป็นผู้แบกรับความสูญเสีย และไม่อาจเรียกหาความรับผิดชอบจากใครได้
แผนการซื้อหุ้นบริษัทส.ธนา มีเดียและการเพิ่มทุนครั้งใหญ่ของ EIC อยู่ในความสนใจของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์
แต่ละหน่วยงานออกคำเตือนให้ผู้ถือหุ้น EIC ศึกษาความเห็นบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน และใช้วิจารณาญาณอย่างรอบคอบ ในการลงมติทั้งวาระการซื้อหุ้นส.ธนาฯและการเพิ่มทุน
การเพิ่มทุน EIC ครั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯเล็งผลเลิศ หวังสูบเงินเต็มที่ โดยอออกหุ้นจำนวน 5,363.69 ล้านหุ้น พาร์ 1 บาท เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 5 หุ้นใหม่ ราคาหุ้นละ 15 สตางค์ โดยมีวอร์แร้นต์มาล่อ ในสัดส่วน 9 หุ้นใหม่ต่อ 4 วอร์แร้นต์ อายุ 1 ปี ราคาแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ 15 สตางค์
การขอมติจากผู้ถือหุ้นในการซื้อบริษัท ส.ธนา มีเดียและการเพิ่มทุน คณะกรรมการEICมีวิธีที่จะผลักดันวาระจนผ่านการอนมุติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้
แต่ประเด็นอยู่ที่ ผู้ถือหุ้นรายย่อยจะถมเงินใส่ EIC อีกหรือ
ผู้ถือหุ้นรายย่อยส่วนใหญ่ติดหุ้นEICอยู่ ขาดทุนหุ้นตัวแม่แล้ว ยังจะต้องควักจ่ายหุ้นใหม่อีก 5 หุ้น จะหาเงินที่ไหนมาจ่าย
ก.ล.ต.เตือนแล้ว ตลาดหลักทรัพย์ก็เตือนแล้ว การเพิ่มทุนครั้งก่อนๆ การนำเงินผู้ถือหุ้นไปซื้อทรัพย์สินหรือลงทุนคราวก่อนๆ เห็นผลงานฝ่ายบริหารบริษัทกันแล้ว โดยผลประกอบการบริษัทออกมาขาดทุนต่อเนื่อง
ดังนั้นแผนการระดมทุนของคณะกรรมการ EIC ครั้งนี้ แทบไม่ต้องประเมินผลว่าจะบรรลุเป้าหมายหรือไม่
เพราะผู้ถือหุ้นรายย่อยน่าจะแหยงการเพิ่มทุนกันบ้างละ จ่ายเงินเพิ่มทุนแล้ว ถูก "กิน" ไปหลายรอบ คงไม่หลวมตัวใส่เงินเพิ่มทุนง่ายๆแล้วมั้ง