“คลัง” จ่อรีดภาษีออนไลน์ เตรียมรอชง ครม. คาดขายของผ่านเน็ตเจอแน่ ยืนยันการจัดเก็บจะเป็นไปตามมาตรฐาน และมีความเป็นธรรมอย่างแน่นอน
นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรมสรรพากรเตรียมเปิดรับฟังความคิดเห็น (ประชาพิจารณ์) เกี่ยวกับร่างกฎหมาย เรียกเก็บภาษีจากการทำธุรกิจผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรืออี-คอมเมิร์ซ ซึ่งขั้นตอนหลังจากการรับฟังความคิดเห็นเรียบร้อยแล้ว จะสรุปรายละเอียดเพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบภายในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยยอมรับว่า ร่างกฎหมายมีความล่าช้ากว่าแผนเดิมที่จะเสนอ ครม.ได้ภายในเดือนมิถุนายน 2560
“โดยหลักการของกฎหมาย ตามมาตรา 47 คือ เราต้องเปิดรับฟังความเห็นจากประชาชน สาธารณชนก่อน ซึ่งกรมอยู่ระหว่างดำเนินการ และคาดว่าจะสามารถเปิดรับความเห็นทางเว็บไซต์ของกรมสรรพกรได้ในเร็ว ๆ นี้ โดยจะเปิดเป็นเวลา 15 วัน ก่อนที่จะรวบรวมความเห็น และเสนอให้ ครม. พิจารณา โดยยืนยันการจัดเก็บจะเป็นไปตามมาตรฐาน และมีความเป็นธรรมอย่างแน่นอน” นายประสงค์ กล่าว
สำหรับแนวทางในการจัดเก็บเบื้องต้น จะจัดเก็บจากธุรกรรมการซื้อขายสินค้า และการโอนเงินที่เกิดขึ้นในประเทศไทย รวมถึงการดำเนินธุรกิจบนนวัตกรรมการเงินรูปแบบใหม่ อย่างระบบการทำธุรกิจผ่าน e-Payment และกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Wallet) ก็เข้าข่ายต้องชำระภาษี ซึ่งกฎหมายจะให้อำนาจสถาบันการเงินเป็นผู้จัดเก็บภาษี หัก ณ ที่จ่าย แทนกรมสรรพากร โดยเมื่อใดที่มีการโอนเงินเพื่อชำระค่าสินค้า หรือบริการ ทางสถาบันการเงินในไทยมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายจำนวน 5% เพื่อนำไปชำระภาษีให้แก่กรมสรรพากร
ทั้งนี้ คาดว่ามูลค่าการจัดเก็บภาษีได้พอสมควร เพราะมูลค่าการทำธุรกรรมบนธุรกิจออนไลน์สูงหลักล้านล้านบาท
“ที่ผ่านมา ไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้ เพราะร้านค้าที่ตั้งขึ้นนั้น ไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลอย่างถูกต้อง เป็นการโอนเงินไปยังบุคคลถึงบุคคลเท่านั้น ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ แต่ข้อมูลพบว่า กลุ่มออนไลน์ เติบโตเร็วมาก ทำให้ต้องหาช่องทางปิดรูรั่วการจัดเก็บ” นายประสงค์ กล่าว
ขณะที่กลุ่มธุรกิจที่เข้าข่ายต้องเสียภาษีอี-คอมเมิร์ซ เช่น 1. เว็บไซต์แสดงรูปและราคาสินค้า Catalog Website 2. เว็บไซต์เพื่อการขายสินค้า e-Shopping 3. การขายสินค้าบนชุมชนเว็บบอร์ดโดยผู้ขายไม่มีเว็บไซต์เป็นของตนเอง Community Web 4. เว็บไซต์เพื่อการประมูลขายสินค้า e-Auction (electronic auction) 5. เว็บไซต์ห้างสรรพสินค้าออนไลน์ e-Market Place หรือ Shopping Mall 6. เว็บไซต์แหล่งซื้อขายภาพถ่ายดิจิตอล Stock Photo 7. การรับโฆษณาจากเว็บไซต์กูเกิล Google AdSense 8. การทำให้ผลการค้นหาบนกูเกิล ติดลำดับแรก ๆ หรือ Search Engine Optimization-SEO 9. เว็บไซต์นายหน้าการขายสินค้า และบริการ Affiliate Marketing 10. การเล่นเกมผ่านระบบเครือข่ายออนไลน์ Game Online เป็นต้น
“เมื่อเป็นผู้มีรายได้ก็ต้องมีหน้าที่ยื่นแสดงรายการภาษี เพื่อเสียภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย” นายประสงค์ กล่าว
มีรายงานแจ้งว่า ก่อนหน้านี้สำนักงานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กำลังเรื่องกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ OTT (Over The Top) พร้อมระบุว่า ยูทูป-เฟซบุ๊ก เข้าข่ายการให้บริการ OTT พร้อมส่งสัญญาณว่า อาจต้องมาการเรียกเก็บภาษี เนื่องจากมีรายได้