ซิตี้แบงก์ คาดเศรษฐกิจไทยมีเสถียรภาพขยายตัวร้อยละ 3.4 พร้อมให้น้ำหนักลงทุนหุ้นตลาดเกิดใหม่ ด้านกสิกรไทย เชื่อสินเชื่อครึ่งปีหลังโตเพิ่ม
นายเอเดรียน ไวสส์ หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาการบริหารความมั่งคั่ง ธนาคารซิตี้แบงก์ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก คาดว่า เศรษฐกิจไทยปี 2560 จะขยายตัวร้อยละ 3.4 และเพิ่มเป็นร้อยละ 3.6 ในปี 2561 โดยภาพรวมเศรษฐกิจยังคงมีการเติบโตที่มีเสถียรภาพ ไม่มีปัจจัยลบที่รุนแรง ขณะที่เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3 ในปี 2560 และ 3.3 ในปี 2561 เนื่องจากกำไรจากผลประกอบการภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น การฟื้นตัวกิจกรรมทางอุตสาหกรรม การลงทุน และอัตราดอกเบี้ยยังต่ำ ธนาคารกลางส่วนใหญ่ยังคงดอกเบี้ยปีนี้ ยกเว้นธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมือง และทางภูมิรัฐศาสตร์ ความไม่ชัดเจนของนโยบายปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
นายเอเดรียน ไวสส์ กล่าวว่า ให้น้ำหนักต่อการลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ รวมทั้งเอเชีย ลาตินอเมริกา ยุโรปตะวันออก เนื่องจากจะได้รับผลบวกจากเศรษฐกิจโลก และราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัว คาดว่าอยู่ที่ 60-65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดเกิดใหม่ให้ขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 รวมทั้งที่ผ่านมา ราคาหุ้นในตลาดเกิดใหม่ยังถูกกว่าตลาดหุ้นหลัก โดยอัตราราคาต่อกำไรสุทธิ หรือ PE ratio อยู่ที่ 13 เท่า ขณะที่ตลาดหุ้นหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา อยู่ที่ 19 เท่า โดยกลุ่มที่น่าสนใจ คือ กลุ่มการเงิน เทคโนโลยี และพลังงาน ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ คาดว่ายังคงผันผวน โดยอัตราการแข็งค่าจะน้อยลง เนื่องจากปัญหาการเมืองในสหรัฐฯ และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ยังกดดัน
ด้าน นายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สินเชื่อรวมครึ่งปีหลังจะเติบโตสูงกว่าครึ่งปีแรก เพราะการเดินหน้าโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาล ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนความต้องการสินเชื่อมากขึ้น โดยช่วงแรกเป็นการเติบโตจากสินเชื่อรายใหญ่ และจะเริ่มกระจายไปยังผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กต่อไป โดยธนาคารยังคงเป้าสินเชื่อปีนี้ขยายตัวร้อยละ 4-6
ส่วนสถานการณ์การผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทเอกชนนั้น เห็นว่าเป็นเรื่องปกติของอุตสาหกรรม เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวต่ำ และโครงการของภาครัฐเลื่อนออกไปในครึ่งปีแรก อาจส่งผลให้ความสามารถการชำระหนี้ของลูกค้าบางกลุ่มลดลง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีขนาดกลางและ ขนาดเล็ก ดังนั้น การให้สินเชื่อต้องพิจารณาเป็นราย ๆ ไป พร้อมทั้งติดตามดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดเวลาที่เกิดปัญหา โดยธนาคารยังคงรักษาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ เอ็นพีแอล ไม่เกินร้อยละ 3.3-3.4 จากร้อยละ 3.31 ในไตรมาส 1 ปี 2560
นายเอเดรียน ไวสส์ หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาการบริหารความมั่งคั่ง ธนาคารซิตี้แบงก์ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก คาดว่า เศรษฐกิจไทยปี 2560 จะขยายตัวร้อยละ 3.4 และเพิ่มเป็นร้อยละ 3.6 ในปี 2561 โดยภาพรวมเศรษฐกิจยังคงมีการเติบโตที่มีเสถียรภาพ ไม่มีปัจจัยลบที่รุนแรง ขณะที่เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3 ในปี 2560 และ 3.3 ในปี 2561 เนื่องจากกำไรจากผลประกอบการภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น การฟื้นตัวกิจกรรมทางอุตสาหกรรม การลงทุน และอัตราดอกเบี้ยยังต่ำ ธนาคารกลางส่วนใหญ่ยังคงดอกเบี้ยปีนี้ ยกเว้นธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมือง และทางภูมิรัฐศาสตร์ ความไม่ชัดเจนของนโยบายปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
นายเอเดรียน ไวสส์ กล่าวว่า ให้น้ำหนักต่อการลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ รวมทั้งเอเชีย ลาตินอเมริกา ยุโรปตะวันออก เนื่องจากจะได้รับผลบวกจากเศรษฐกิจโลก และราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัว คาดว่าอยู่ที่ 60-65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดเกิดใหม่ให้ขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 รวมทั้งที่ผ่านมา ราคาหุ้นในตลาดเกิดใหม่ยังถูกกว่าตลาดหุ้นหลัก โดยอัตราราคาต่อกำไรสุทธิ หรือ PE ratio อยู่ที่ 13 เท่า ขณะที่ตลาดหุ้นหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา อยู่ที่ 19 เท่า โดยกลุ่มที่น่าสนใจ คือ กลุ่มการเงิน เทคโนโลยี และพลังงาน ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ คาดว่ายังคงผันผวน โดยอัตราการแข็งค่าจะน้อยลง เนื่องจากปัญหาการเมืองในสหรัฐฯ และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ยังกดดัน
ด้าน นายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สินเชื่อรวมครึ่งปีหลังจะเติบโตสูงกว่าครึ่งปีแรก เพราะการเดินหน้าโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาล ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนความต้องการสินเชื่อมากขึ้น โดยช่วงแรกเป็นการเติบโตจากสินเชื่อรายใหญ่ และจะเริ่มกระจายไปยังผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กต่อไป โดยธนาคารยังคงเป้าสินเชื่อปีนี้ขยายตัวร้อยละ 4-6
ส่วนสถานการณ์การผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทเอกชนนั้น เห็นว่าเป็นเรื่องปกติของอุตสาหกรรม เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวต่ำ และโครงการของภาครัฐเลื่อนออกไปในครึ่งปีแรก อาจส่งผลให้ความสามารถการชำระหนี้ของลูกค้าบางกลุ่มลดลง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีขนาดกลางและ ขนาดเล็ก ดังนั้น การให้สินเชื่อต้องพิจารณาเป็นราย ๆ ไป พร้อมทั้งติดตามดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดเวลาที่เกิดปัญหา โดยธนาคารยังคงรักษาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ เอ็นพีแอล ไม่เกินร้อยละ 3.3-3.4 จากร้อยละ 3.31 ในไตรมาส 1 ปี 2560