บริษัทอุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ EIC แจ้งมติประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันศุกร์ที่ 16 มิ.ย. 60 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. ว่า ที่ประชุมได้อนุมัติให้ลดทุนจดทะเบียนโดยตัดหุ้นที่ยังไม่ออกจำหน่าย หลังจากนั้น ให้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 6.27 พันล้านบาท จากเดิมที่ 907.67 ล้านบาท โดยออกหุ้นใหม่ไม่เกิน 5.36 พันล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท
โดยจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน 3.5 พันล้านหุ้น เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 5 หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 0.15 บาท ระหว่างวันที่ 16-22 ส.ค. 60 และจะจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน 1.56 พันล้านหุ้น รองรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์) หรือ EIC-W4 ซึ่งจะออกไม่เกิน 1.56 พันล้านหน่วย จัดสรรให้ฟรีกับผู้ถือหุ้นเดิมให้กับผู้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนในอัตราส่วน 9 หุ้นเพิ่มทุนต่อ 4 วอร์แรนต์ โดยวอร์แรนต์มีอายุ 1 ปี ราคาใช้สิทธิ 0.15 บาท ส่วนหุ้นเพิ่มทุนที่เหลือจะใช้รองรับการปรับสิทธิวอร์แรนต์ EIC-W2 และ EIC-W3
สำหรับวัตถุประสงค์การเพิ่มทุน เพื่อใช้ในการเข้าซื้อธุรกิจสื่อโฆษณา บริษัท ส.ธนา มีเดีย จำกัด จำนวน 375 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 3/60, ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทย่อย EIC Semi จำนวน 150 ล้านบาท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท และบริษัทย่อย จำนวน 233 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 759 ล้านบาท โดยการเพิ่มทุนดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้แก่บริษัท จนส่งผลให้มีผลประกอบการที่ดีขึ้น และจะสามารถล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ได้ ตลอดจนเสริมสร้างโครงสร้างเงินทุน รวมถึงฐานะทางการเงินของบริษัทให้แข็งแกร่งเพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจ
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทยังให้ขยายระยะเวลาการเข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นบริษัท ส.ธนา มีเดีย จำกัด ซึ่งจากการเจรจากับผู้ขายได้ยินยอมให้ขยายระยะเวลาเป็นภายในวันที่ 31 ส.ค. 60 จากเดิมภายในวันที่ 31 พ.ค. 60 และให้นำเสนอเรื่องการเข้าลงทุนในบริษัท ส.ธนา มีเดีย จำกัด เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2560 ซึ่งจะประชุมในวันที่ 27 ก.ค. 60 หลังจากที่ได้เลื่อนวาระการเข้าลงทุนดังกล่าวออกจากวาระการประชุมสามัญประจำปี 2560 เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่ผ่านมา
โดยการนำเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งนี้ เนื่องจากเห็นว่า บริษัทต้องเร่งหาธุรกิจใหม่เพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และกำไรให้กับบริษัท และยังช่วยกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนจากปัจจุบันที่มีแหล่งรายได้เพียง 1 ธุรกิจ จากการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอะไหล่อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์สารกึ่งตัวนำ ประเภทเวเฟอร์ และไดโอด ซึ่งธุรกิจดังกล่าวเป็นช่วงขาลง และไม่สามารถสร้างรายได้และกำไรให้กับบริษัทได้อย่างเต็มที่
โดยจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน 3.5 พันล้านหุ้น เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 5 หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 0.15 บาท ระหว่างวันที่ 16-22 ส.ค. 60 และจะจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน 1.56 พันล้านหุ้น รองรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์) หรือ EIC-W4 ซึ่งจะออกไม่เกิน 1.56 พันล้านหน่วย จัดสรรให้ฟรีกับผู้ถือหุ้นเดิมให้กับผู้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนในอัตราส่วน 9 หุ้นเพิ่มทุนต่อ 4 วอร์แรนต์ โดยวอร์แรนต์มีอายุ 1 ปี ราคาใช้สิทธิ 0.15 บาท ส่วนหุ้นเพิ่มทุนที่เหลือจะใช้รองรับการปรับสิทธิวอร์แรนต์ EIC-W2 และ EIC-W3
สำหรับวัตถุประสงค์การเพิ่มทุน เพื่อใช้ในการเข้าซื้อธุรกิจสื่อโฆษณา บริษัท ส.ธนา มีเดีย จำกัด จำนวน 375 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 3/60, ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทย่อย EIC Semi จำนวน 150 ล้านบาท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท และบริษัทย่อย จำนวน 233 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 759 ล้านบาท โดยการเพิ่มทุนดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้แก่บริษัท จนส่งผลให้มีผลประกอบการที่ดีขึ้น และจะสามารถล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ได้ ตลอดจนเสริมสร้างโครงสร้างเงินทุน รวมถึงฐานะทางการเงินของบริษัทให้แข็งแกร่งเพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจ
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทยังให้ขยายระยะเวลาการเข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นบริษัท ส.ธนา มีเดีย จำกัด ซึ่งจากการเจรจากับผู้ขายได้ยินยอมให้ขยายระยะเวลาเป็นภายในวันที่ 31 ส.ค. 60 จากเดิมภายในวันที่ 31 พ.ค. 60 และให้นำเสนอเรื่องการเข้าลงทุนในบริษัท ส.ธนา มีเดีย จำกัด เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2560 ซึ่งจะประชุมในวันที่ 27 ก.ค. 60 หลังจากที่ได้เลื่อนวาระการเข้าลงทุนดังกล่าวออกจากวาระการประชุมสามัญประจำปี 2560 เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่ผ่านมา
โดยการนำเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งนี้ เนื่องจากเห็นว่า บริษัทต้องเร่งหาธุรกิจใหม่เพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และกำไรให้กับบริษัท และยังช่วยกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนจากปัจจุบันที่มีแหล่งรายได้เพียง 1 ธุรกิจ จากการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอะไหล่อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์สารกึ่งตัวนำ ประเภทเวเฟอร์ และไดโอด ซึ่งธุรกิจดังกล่าวเป็นช่วงขาลง และไม่สามารถสร้างรายได้และกำไรให้กับบริษัทได้อย่างเต็มที่
