บล.โกลเบล็ก เผยหุ้นไทยจับตาการประชุมฟด 13-14 มิ.ย.นี้ และราคาน้ำมันอ่อนตัวลงจากความกังวลภาวะอุปทานล้นตลาดหลัจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ให้กรอบดัชนี 1,550-1,580 จุด แนะลงทุนหุ้นเข้าคำนวณ SET100-SET 50 ส่วนราคาทองคำชะลอตัวแกว่งในกรอบแคบ ขณะที่การไหลลงของราคาสู่ระดับแนวรับระยะสั้นใกล้ 1,260 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นระดับที่น่าเสี่ยง trading long เพื่อเล่นรอบรีบาวนด์สั้นๆ สู่แนวต้าน 1,280 ดอลลาร์สหรัฐ
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยได้แรงบวกจากกรณีความกังวลสถานการณ์การเมืองสหรัฐฯ ลดลงหลังคำให้การของนายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการ FBI ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์
รวมทั้งความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของกระทรวงคมนาคม โดยรถไฟไทย-จีน มีแนวโน้มจะใช้ ม.44 แก้ปัญหาความล่าช้ารถไฟ 3 เส้นทาง คาดจะเสนอให้ ครม.พิจารณาในอีก 2 เดือน ส่วนโครงการรถไฟฟ้า 6 สายคาดจะเสนอ ครม.อนุมัติในช่วงครึ่งหลังของปี 60 ประกอบกับการประกาศรายชื่อหุ้นเข้า SET50 และ SET100 รอบใหม่ในช่วงกลางเดือน มิ.ย. และการทำ Window Dressing ช่วงปลายเดือน มิ.ย.
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นมีปัจจัยกดดันราคาน้ำมันอ่อนตัวลงจากความกังวลภาวะอุปทานล้นตลาด หลังจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 8 แท่นสู่ 741 แท่น โดยเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 21 ติดต่อกัน และ Fund Flow ต่างชาติผันผวนจากคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย.
ส่วนปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาต่อไป ได้แก่ ในวันที่ 13-14 มิ.ย. การประชุม FOMC (โพลล์คาด Fed ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 1.25%) วันที่ 15 มิ.ย. สหรัฐฯ จะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และราคานำเข้า และส่งออกเดือน พ.ค. และในวันที่ 16 มิ.ย. ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประชุมนโยบายการเงิน และกำหนดประชุมคณะกรรมการโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อพิจารณากรอบแผนงาน และวิธีการคิดในการผลักดันให้อีอีซี บรรลุเป้าหมายที่กำหนดภายในสิ้นปีนี้
ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ คาดว่าจะมีแรงกดดันจาก Fund Flow ต่างชาติที่ผันผวนจากคาดการณ์การประชุม FOMC จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็น 1.25% รวมถึงราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงเป็นลบต่อกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีแรงซื้อกลุ่มหุ้นที่มีประเด็นข่าวรายตัวช่วยพยุงดัชนีไม่ให้ทรุดตัวลงแรง
ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,550-1,580 จุด โดยแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในแบบ Selective Buy ในหุ้นที่คาดว่า จะเข้าคำนวณรอบใหม่ของ SET50 ได้แก่ EA, MTLS, BJC, BPP และ TISCO และ SET100 ได้แก่ BCPG, WORK, ANAN และ GFPT โดยจะประกาศผลราวปลายสัปดาห์นี้
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งอังกฤษเป็นไปตามโพลรัฐบาลใหม่ขาดความเป็นเอกภาพ ตลาดจึงคาดหวังกับ soft Brexit ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มจะขึ้นดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้ และอีกครั้งในช่วงสิ้นปี ส่วนการปรับลดงบดุลคาดว่า จะค่อยๆ ปรับลดตามสภาวะเศรษฐกิจ เพื่อพิจารณาสถานการณ์ให้สอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐบาล และการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการ FOMC บางท่าน โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และไม่ให้ตลาดเงินตลาดทุนเกิดความผันผวน ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐยังคงถูกกดให้อ่อนค่าต่อไป แม้สกุลยูโร และปอนด์ กำลังอ่อนค่าก็ตาม
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าสินทรัพย์เสี่ยงจะกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังการประชุม FOMC จากความมั่นใจของนักลงทุนที่เห็นทิศทางการดำเนินมาตรการของ Fed มากขึ้น ซึ่งปัจจัยเสริมจะมาจากการที่ BOJ กล่าวเชิงสนับสนุนการขยายตัวของญี่ปุ่นตามค่าดัชนีเศรษฐกิจที่สะท้อนออกมา
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยข้างต้นดังกล่าวทั้งหมดล้วนส่งผลรวมให้ตลาดทองคำชะลอตัว และแกว่งแคบลง ขณะที่การไหลลงของราคาสู่ระดับแนวรับระยะสั้นใกล้ 1,260 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นระดับที่น่าเสี่ยง trading long เพื่อเล่นรอบรีบาวนด์สั้นๆ สู่แนวต้าน 1,280 ดอลลาร์สหรัฐ (ฝั่ง long ควร stop loss ถ้าราคาหลุด 1,260 ดอลลาร์สหรัฐ) และดัก short ที่ระดับ 1,285-1,295 ดอลลาร์สหรัฐ